สรุปปมร้อน“ประกันสังคม” ตลอดสัปดาห์! ลงทุน 7,000 ล้านใครคุ้มค่า บอร์ดเตรียมปรับพอร์ตลงทุนเสี่ยงเพิ่ม?

เกิดอะไรขึ้น? 


10 มี.ค. 68 สส.ไอซ์ และ สส.สหัสวัต พรรคประชาชน ได้ออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับความโปร่งใสในการลงทุนของกองทุนประกันสังคมว่า ลงทุนผิดพลาด เอื้อผลประโยชน์แก่ผู้ประกันตน หรือ ใคร ? เมื่อคณะอนุกรรมการฯ ได้ตัดสินใจนำเงินกองทุนไปตั้งกองทุน PR ทรัสต์  ไปซื้อบริษัท + พ่วงอสังหาฯ SKYY 9 ตึกเก่าสร้างสมัยต้มยำกุ้ง สูง 36 ชั้น ย่านพระรามเก้า  ในราคา 7,000 ล้านบาท 

สปส. แจงว่าการลงทุนในครั้งนั้นไม่ผิดพลาด ถูกต้องตามระเบียบและกฏหมาย

ราคาที่จ่ายไปเป็นการตีราคาผ่านผู้ประเมินราคาอิสระ 2 ราย ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยมีราคาประเมินตามวิธีพิจารณาจากรายได้ (Income Approach) ประมาณ 7,300 ล้านบาท และ วิธีพิจารณาต้นทุน (Cost Approach) ประมาณ 8,000 ล้านบาท แต่ราคาจริงที่ สปส.เข้าลงทุนอยู่ที่ 6,900 ล้านบาท  

แต่หลายฝ่ายยังคงออกมาโต้แย้งว่า 7000 ล้านเป็นราคาที่แพงกว่าราคาประเมินของตลาดจริง ที่น่าจะอยู่ราว ๆ 3000 - 5000 ล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากที่ดินดังกล่าวไม่ติดรถไฟฟ้า แถมเป็นตึกเก่าร้างสมัยวิกฤตต้มยำกุ้ง ราคานั้นสามารถขยับไปลงทุนโซนสาทรได้เลย

เจ้าของตึก รีโนเวทไว้ เพราะมองเห็นกำไร

- ตึก SKYY 9 เป็น ตึกเก่าร้างที่ถูกสร้างตั้งแต่สมัยวิกฤต “ต้มยำกุ้ง” ปี 2540 ถูกเปลี่ยนทอดหลายมือ กระทั่งกลุ่มทุนห้างสรรพสินค้า ได้ซื้อมารีโนเวทเป็น ตึก I.C.E. Tower

- ปี 2563: บริษัท แคส แคปปิตอล  ซื้อไปรีโนเวทใหม่ เปลี่ยนชื่อเป็น Cas Centre ขณะนั้นมูลค่าตึกพร้อมที่ดิน 3.7 พันล้านบาท

- ปี 2565: บริษัท ไพร์ม ไนน์ เรียลเอสเตท เข้าซื้อและรีโนเวท ก่อน สปส.จะเข้าซื้อในราคา 7,000 ล้าน  

ยังไม่ทันออกดอก ซื้อมาก็ขาดทุนแล้ว ปัจจุบัน อัตราการเช่าอยู่ที่ 45%  คาดใช้เวลาอีกราว ๆ เกือบ 10 ปี กว่าอัตราผู้เช่าจะเต็มจนทำกำไร แถมยังเป็นการลงทุน ผ่านการตั้งกองทุน PE ทรัสต์ (เพื่อการลงทุนในอสังหาฯและสิทธิการเช่าอสังหาฯ ) ขึ้นมาลงทุนเอง ซึ่งแตกต่างจากกองทุนทั่วโลก ที่จะไม่ลงทุนนอกตลาดเอง แต่จะไปลงทุนร่วมกับกองทุนอื่นที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า

ที่เป็นประเด็น คือ

• บริษัทที่ถือครองหุ้น ไพร์ม ไนน์ เรียลเอสเตท มี หนี้สินถึง 2,000 ล้าน

• เท่ากับว่า ประกันสังคมไม่ได้แค่ซื้อตึก แต่ยังซื้อหนี้มาด้วยหรือไม่

💰 เท่ากับว่าลงทุนยังไม่ทันได้กำไร… ก็ขาดทุนแล้ว!? แถมยังติดลบเพราะมีหนี้

สรุปปมร้อน“ประกันสังคม” ตลอดสัปดาห์! ลงทุน 7,000 ล้านใครคุ้มค่า บอร์ดเตรียมปรับพอร์ตลงทุนเสี่ยงเพิ่ม?

สรุปข่าว

ประกันสังคม ลงทุนพลาด หรือ เอื้อผลประโยชน์? หลังกองทุนประกันสังคมถูกแฉว่าทุ่ม 7,000 ล้าน ซื้อ ตึกเก่า SKYY 9 ในราคาที่แพงกว่าตลาด แถมแบกหนี้มาด้วย ทั้งที่เป็นอสังหาฯ นอกตลาดที่กองทุนไม่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้เกิดคำถามว่าดีลนี้เพื่อประโยชน์ของผู้ประกันตนจริงหรือไม่ ล่าสุด รมว.มหาดไทยสั่งสอบสวนด่วน ขณะที่บอร์ดกองทุนเตรียม เพิ่มการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงเป็น 60% สร้างโอกาสทำกำไรหรือเสี่ยงพังมากกว่าเดิม?

ความคุ้มค่าที่ถูกตั้งคำถาม  หนักข้อขึ้นเมื่อมีข้อครหาว่า ดีลนี้ เอื้อผลประโยชน์ให้แก่บางบุคคล 

- ปี 2565 เกิดข้อครหาว่า มีการโยกย้ายบุคคลใกล้ชิดอดีตรัฐมนตรี เด็กหน้าห้อง และ ที่ปรึกษารัฐมนตรี ชื่อย่อ  “นาย ธ.” และ “นายรู”  เข้าไปเป็นคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาแผนการลงทุน และมีส่วนตัดสินใจ ซื้อตึก SKYY9  โดยมี บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ อดีตเลขาธิการประกันสังคม เป็นผู้ลงนามอนุมัติ

มีการเปิดเผยข้อมูลของ 2 ตัวละครที่สังคมกำลังจับตา

🔹นาย ธ. = (ธีระวิทย์ วงศ์เพชร)

 • อดีตคณะทำงานที่ปรึกษา รมว.แรงงาน (สุชาติ ชมกลิ่น)

 • เคยลงสมัครรับเลือกตั้ง สส. ใน พรรคราษฎร, พลังประชารัฐ (พปชร.), และภูมิใจไทย

 • ปัจจุบันเป็น ที่ปรึกษา กมธ.การท่องเที่ยว และที่ปรึกษา รมว.แรงงาน

 • เคยเป็นกรรมการประกันสังคม และมีบทบาทในภาคแรงงาน

 • ยืนยันว่า ตนถูกเสนอชื่อโดยบอร์ดใหญ่ของ สปส. และ ไม่มีอำนาจตัดสินใจโดยตรง

🔹 นายรู = ธีระพันธุ์ พืชผล

 • เป็นที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงานในประเทศสิงคโปร์

 • เคยเป็น นักวิชาการแรงงานชำนาญการ กองบริหารการลงทุน สปส.

 • ได้รับแต่งตั้งให้เป็น อนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ในคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด

ย้อนคำสัมภาษณ์ของ สุชาติ ชมกลิ่น อดีตรัฐมนตรีแรงงาน ปี 2565  ยืนยันว่า ไม่รู้จักนายธีระวิทย์เป็นการส่วนตัว และเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจซื้ออาคาร SKYY9  ของ สปส.  ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลแหล่งข่าวระดับสูง ที่ตอนแรกเผยว่า ชื่อผู้ที่ครอบครองกรรมสิทธิ์ของอาคาร SKYY9 ก่อนขายให้ สปส. คือ บุตรชายของนักการเมือง “ส” ที่เคยมีตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาล 


มท.1 สั่งตรวจสอบโดยด่วนแล้ว

ล่าสุด “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ได้แต่งตั้ง “ปลัดกระทรวงมหาดไทย” เป็นคณะกรรมการสอบสวนแล้ว  แต่ก็น่าจับตาว่า สปส. จะมีการเปิดเผยข้อมูลการลงทุนย้อนหลังและในอนาคตหรือไม่?  เพราะมีผลได้เสียกับผู้ประกันตนอย่างเราโดยตรง ซึ่งน่ากังวลมากขึ้นหากปล่อยไว้แบบนี้เนื่องจาก 

มีการรายงานข่าวว่า ปี 2568 บอร์ดกองทุนประกันสังคมเตรียมปรับพอร์ตใหม่ ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มเป็น 60% 

ตามจริงแล้วกองทุนมีวัตถุประสงค์  2 อย่าง คือ นำเงินไปบริหารให้เกิดผลตอบแทนแก่ผู้ประกันตนและ นำเงินนั้นมาดูแลสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตน 

แบ่งเป็น 2 ส่วน
- หลักทรัพท์มั่นคงสูง  71.58%  เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีเครดิตดี หุ้นกู้เอกชน  และ เงินฝาก มั่นคงแต่ทำกำไรได้น้อย
- หลักทรัพย์เสี่ยง 28.42%  เช่น หุ้นไทย หรือ อสังหาริมทรัพย์ แม้เป็นการลงทุนที่มีสภาพไม่คล่อง แต่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า ซึ่งในส่วนการลงทุนในตึกสูง SKYY 9 อยู่ในส่วนนี้ 

โดยที่ผ่านมามีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 5 ปี อยู่ที่ 2.29%  ส่วนอัตราผลตอบแทนปี 2567 อยู่ที่ 5.34% และเตรียมตั้งเป้าผลตอบแทนปี 2569 เพิ่มขึ้นเป็น 6% จากการปรับเป็นลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง  60% และ สินทรัพย์มั่นคง 40%  โดยจำนวนเงินลงทุนของกองทุนฯ  ณ 31 ธันวาคม 2567 มีมูลค่าทั้งสิ้น 2,657,245 ล้านบาท

สรุปสุดท้ายในส่วนของผู้เขียน ซึ่งคือหนึ่งในผู้ประกันตนเช่นเดียวกัน หากว่ากันตามตรงก็เริ่มไม่แน่ใจว่า นี่จะเป็นข่าวดี หรือ ข่าวร้าย เนื่องจากในมุมผู้ประกันตนเราจะไว้ใจบอร์ดบริหารกองทุน ให้บริหารเงินที่เราจ่ายไปทุกเดือนมากน้อยแค่ไหน 

หากบริหารได้กำไรจริง ๆ ผู้เขียนกล้าเสี่ยง เพราะตามจริงมันน่าจะดีเนื่องจากผู้ประกันตนจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น แต่หากปรับสัดส่วนเป็น 60% เท่ากับว่าเงินของพวกเราส่วนใหญ่ จะถูกลงทุนไปกับสินทรัพย์เสี่ยง แล้วแน่ใจอย่างไรว่าจะถูกบริหารผ่านการวิเคราะห์ด้วยความรอบคอบ และ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจริง ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับใคร เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงในชีวิตพวกเราได้ ที่พึ่งสุดท้ายวัยทำงาน หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน 

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ภาคประชาสังคม จึงเรียกร้องให้ สำนักงานประกันสังคม เอาข้อมูลการลงทุนและการใช้จ่ายรอบด้านออกมาเปิดเผย ให้เจ้าของเงินมีสิทธิรับรู้ สอบทาน และ ทักท้วงได้ หากถูกนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสม  และต้องติดตามการตรวจสอบให้กระจ่างว่า แท้จริงแล้ว สินทรัพย์บริษัทนี้เป็นของใคร เอื้อผลประโยชน์กันจริงหรือไม่  หากใช่ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ 

เปิดเผย - ปฏิรูป - ล่มสลาย ล้วนแต่เป็นหนทางที่เกิดขึ้นได้กับกองทุนประกันสังคมของไทยในปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะในต่างประเทศล้วนมีบทเรียนให้ติดตามอยู่แล้ว แต่อย่าลืม “ฟังเสียงประชาชน ฟังเสียงเจ้าของเงิน” เพราะคนที่ควรมีอำนาจที่สุดในการตัดสินใจว่าสวัสดิการที่พวกเขาจ่ายไปในทุกๆเดือนนี้ มีความ “คุ้มค่าหรือไม่?” สมควรมีอยู่หรือ “ถูกปฏิรูปใหม่”  คือ ผู้ประกันตน และทุกคนต้องอย่าลืมช่วยกันแสดงความเห็น ส่งเสียง  กดดัน และ ช่วยกันติดตามการตรวจสอบการบริหารกองทุนฯอย่างโปร่งใส เพื่อผลประโยชน์ของพวกเราจะไม่ถูกใครเอารัดเอาเปรียบ 

ที่มาข้อมูล : TNN Bangkokbiz สำนักงานประกันสังคม Finomena

ที่มารูปภาพ : -

avatar

ณัฏฐ์อาภา ผ่องทิพาภรณ์
(จ๊ะโอ๋)