อุทิศตนเพื่อปราบโกง : เปิดมุมมอง 'กุล ภาคเดียว' เน้นทำงานหนัก ซื่อสัตย์ มุ่งผลประโยชน์ชาติ
อุทิศตนเพื่อปราบโกง : เปิดมุมมอง กุล ภาคเดียว เน้นทำงานหนัก ซื่อสัตย์ มุ่งผลประโยชน์ชาติ
การทำงานของหน่วยงานภาครัฐ อย่างสำนักงาน ป.ป.ช. นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในการต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย การทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งและเต็มกำลังความสามารถ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเจ้าหน้าที่ทุกระดับ
เส้นทางชีวิตและหลักการทำงานของ ‘กุล ภาคเดียว’
บทสัมภาษณ์นี้ นำเสนอแง่มุมความทุ่มเท และหลักการอันแน่วแน่ของ นายกุล ภาคเดียว รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดปทุมธานี ผ่านประสบการณ์การทำงานอันหลากหลาย
นายกุล ภาคเดียว รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดปทุมธานี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประสบการณ์การทำงานของเขาในฐานะผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดต่างๆ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่และยึดมั่นในหลักคุณธรรมและจริยธรรม
“การโยกย้ายตำแหน่งบ่อย เป็นเพราะงานในพื้นที่นั้นๆ เริ่มหมดลง จึงต้องย้ายไปพื้นที่ใหม่ที่มีงานค้างอยู่มาก โดยมีผู้บังคับบัญชาแนะนำให้ย้ายเพื่อไปเคลียร์งานในพื้นที่อื่น จึงได้ย้ายไปประจำที่จังหวัดนครพนม อุดรธานี ขอนแก่น และปทุมธานี ตามลำดับ”
นายกุล ภาคเดียว ชี้ให้เห็นว่า ในช่วงแรกของการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการประจำจังหวัดนั้น งานจะค่อนข้างเบาบาง แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะมีงานสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงช่วงการโยกย้ายตำแหน่งประจำปี ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ก็จะเตือนให้ย้ายไปสำนักงานแห่งใหม่เพื่อรับผิดชอบงานใหม่ๆ เนื่องจากงานที่สำนักงานเดิมใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว
“มันต้องไปหางานทําล่ะ อยู่นี่ไม่มีงานล่ะ ก็เลยว่าไปอุดรธานีซึ่งอุดรธานีตอนนั้นงานค่อนข้างเยอะครับ
แล้วเป็นเรื่องเก่าใกล้ขาดอายุความเยอะมาก ภาษาเราบ้านบ้านเรียกขยะนะครับ ต้องไปเคลียร์ขยะ” กุล ภาคเดียว กล่าว
ทั้งนี้ นายกุล ภาคเดียว ได้ย้ำว่า ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งผู้ปฏิบัติงานหรือผู้บริหารระดับผู้อำนวยการ เขามุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างหนักและเต็มที่เสมอ โดยไม่สนใจคำติชมหรือวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ เพราะเชื่อว่าการทำงานอย่าง ซื่อสัตย์ และ เสียสละ จะนำมาซึ่งความสำเร็จและผลงานที่มีคุณภาพ
กุล ภาคเดียว กล่าวว่า ในฐานะผู้บริหาร เขามักจะเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา โดยลงมือปฏิบัติงานหนักควบคู่ไปกับการสั่งการ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและทำให้ทีมงานเข้าใจถึงความมุ่งมั่นของเขา จนในที่สุดทีมงานก็เริ่มปรับทัศนคติและร่วมแรงร่วมใจกันทำงานอย่างหนักเช่นกัน
นายกุล ภาคเดียว เปิดเผยถึงแนวทางการทำงานของตนเองว่า จะมุ่งเน้นการลงพื้นที่ปฏิบัติงานเชิงรุกเพื่อป้องกันและลดปัญหาการทุจริตให้น้อยลงมากกว่าการเข้ามาแก้ไขเมื่อเกิดความผิดแล้ว
"ผมไม่อยากรอให้เกิดการกระทำความผิดก่อน แล้วค่อยเข้าไปลงโทษทีหลัง การทำงานแบบนั้นถือเป็นการทำงานเชิงรับมากกว่า ผมจึงต้องการลงพื้นที่ทำงานเชิงรุกให้มากที่สุด แม้บางท่านจะสงสัยว่าทำแบบนี้จะไม่เหนื่อยหรอ?"
ลูกน้องบางคนก็เคยถามผมว่า เมื่อผมมาปฏิบัติงาน พวกเขาต้องทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม แต่ทำไมพวกเขากลับรู้สึกมีความสุขกับการทำงานมากกว่าเดิม นั่นเป็นเพราะเมื่อเราทุ่มเททำงานอย่างเต็มกำลังแล้ว มันย่อมนำมาซึ่งความรู้สึกที่มีความสุข
"การลงพื้นที่ทํางานเชิงรุก เพื่อจะลดเรื่องทุจริตให้น้อยลง
เราไม่ทําปลายทางที่เกิดความกระทําความผิดแล้วเราก็ค่อยไปลงโทษ"
ปฏิบัติหน้าที่ซื่อสัตย์เต็มกำลัง คือ หนทางสู่งานก่อสร้างคุณภาพ
นายกุล ภาคเดียว กล่าวถึงประเด็นการทุจริตและการทำงานที่ขาดคุณภาพในงานก่อสร้างว่า ปัญหาหลักเกิดจากการที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ทำงานอย่างเต็มความสามารถและขาดความซื่อสัตย์สุจริต
นายกุล ระบุเพิ่มเติมว่า หากไม่มีการรับสินบนเลยจากทุกฝ่าย งานอาจจะไม่สวยงามตามที่หวังก็จริง แต่จะดีกว่าสภาพปัจจุบันที่ประสบปัญหามากมาย โดยเฉพาะบทบาทของช่างคุมงาน ที่มักจะไม่ปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบอย่างจริงจัง เพียงมาตรวจงานดูๆ แล้วก็เฉยๆ บางทีอาจแค่ถ่ายรูปเซลฟี่แล้วก็กลับ ทำให้ไม่สามารถควบคุมให้ผู้รับจ้างทำงานได้มาตรฐาน
เช่นเดียวกับ คณะกรรมการตรวจรับงาน ถ้ายังคงมีการรับสินบนอยู่ และขาดความรู้ความเข้าใจในงานนั้นๆอย่างแท้จริง ก็จะตรวจรับงานที่ผิดคุณสมบัติและมาตรฐานผ่านไปได้ ซึ่งจะนำไปสู่งานก่อสร้างที่ไร้คุณภาพ
หลักสำคัญ คือ หากบุคคลที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบในแต่ละส่วนของงานก่อสร้าง สามารถปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบและเต็มกำลังสรรพความสามารถของตนอย่างสุจริตแล้ว ผลงานที่ออกมาย่อมมีคุณภาพเป็นที่น่าพอใจอย่างแน่นอน" นายกุลกล่าว ปิดท้าย
ความทุ่มเทและจริยธรรมเป็นสิ่งสำคัญ
สำหรับ กุล ภาคเดียว แล้ว ความทุ่มเทและการยึดมั่นในหลักจริยธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเขาเชื่อว่า หากทุกคนรู้หน้าที่และปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มความสามารถ งานก็จะออกมามีคุณภาพและโปร่งใส ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันก็จะลดน้อยลง
ดังนั้น กุล ภาคเดียว จึงตั้งใจที่จะเป็นแบบอย่างให้แก่ข้าราชการรุ่นใหม่และสร้างกระแสการทำงานที่ซื่อสัตย์มุ่งผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง
"งานราชการ มันเลี้ยงครอบครัวเรา มันคือส่วนหนึ่งของครอบครัว
เราก็ต้องทํางานให้ดีที่สุด อย่าให้ใครมาว่า เช้าชามเย็นชาม"
กุล ภาคเดียว ในฐานะผู้บริหารของสำนักงาน ป.ป.ช. เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทุ่มเททำงานอย่างหนัก ความซื่อสัตย์สุจริต และการเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านคุณธรรมและจริยธรรมในหน่วยงานภาครัฐ
ความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อการทำงานโปร่งใสและเป็นธรรม
นายกุล ภาคเดียว อยากขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน เพื่อให้การทำงานของภาครัฐเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ
นายกุล กล่าวว่า "หากข้าราชการพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถและยึดมั่นในหลักคุณธรรม จริยธรรม โดยคำนึงถึงผลกระทบและความรับผิดชอบต่อประชาชน เราจะสามารถก้าวผ่านปัญหาการทุจริตไปได้"
ในขณะเดียวกัน ประชาชนก็มีส่วนสำคัญในการเข้ามามีส่วนร่วมตรวจสอบและให้ความร่วมมือกับภาครัฐ เพื่อให้การดำเนินงานด้านต่างๆ โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณและการพัฒนาของรัฐนั้น เป็นไปอย่างโปร่งใส และตรงตามวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง
หากทั้งภาครัฐและประชาชนสามารถร่วมมือและเข้าใจบทบาทหน้าที่ของกันและกัน เราจะสามารถขับเคลื่อนสังคมไทยให้ก้าวหน้าและมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยปราศจากปัญหาการทุจริตและการขาดความโปร่งใส" นายกุล กล่าวปิดท้าย
ข่าวแนะนำ