TNN เลี้ยงหมา-ซักผ้า-ทำงานบ้าน ไม่ใช่หน้าที่ เปิดคำสั่งเด็ดขาดกลาโหม คืนศักดิ์ศรี ‘ทหารบ้านนาย’

TNN

TNN Exclusive

เลี้ยงหมา-ซักผ้า-ทำงานบ้าน ไม่ใช่หน้าที่ เปิดคำสั่งเด็ดขาดกลาโหม คืนศักดิ์ศรี ‘ทหารบ้านนาย’

เลี้ยงหมา-ซักผ้า-ทำงานบ้าน ไม่ใช่หน้าที่ เปิดคำสั่งเด็ดขาดกลาโหม คืนศักดิ์ศรี ‘ทหารบ้านนาย’

ประเด็นการใช้พลทหารไปรับใช้หรือทำงานส่วนตัวผู้บังคับบัญชาเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง มีทั้งฝ่ายที่มองว่าเป็นการละเมิดสิทธิและผิดหลักการของทหาร และฝ่ายที่เห็นว่าเป็นเพียงวัฒนธรรมทหารที่สืบทอดกันมา ประเด็นนี้จึงกลายเป็นข้อถกเถียงที่ยาวนานในสังคม

บทความได้ระบุถึง ความไม่เหมาะสมของการใช้พลทหารไปทำงานส่วนตัว เช่น ทำงานบ้าน ซักเสื้อผ้า เลี้ยงหมา และอื่นๆ เนื่องจากเป็นการผิดวัตถุประสงค์หลักของการเป็นทหาร ขัดต่อระเบียบวินัย และสร้างความไม่เท่าเทียม อีกทั้งยังกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของกองทัพ


เพื่อสร้างความโปร่งใสและป้องกันการใช้ "ทหารรับใช้" ในทางที่ผิด บทความได้เสนอแนวทางต่างๆ เช่น การกำหนดระเบียบที่ชัดเจน การมีกลไกการตรวจสอบ การเพิ่มบทลงโทษ และการรณรงค์สร้างความตระหนัก นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงความจำเป็นในการออกระเบียบห้ามการใช้พลทหารไปรับใช้งานส่วนตัว เพื่อเป็นกรอบปฏิบัติงาน คุ้มครองสิทธิ และรักษาวินัยของกองทัพ รวมถึงการมีบทลงโทษที่รุนแรงสำหรับผู้ฝ่าฝืน


หน้าที่ทหารเกณฑ์ ที่แท้จริง คือการปกป้องรักษาประเทศชาติ ไม่ใช่การรับใช้ส่วนตัว การนำทหารเกณฑ์ไปใช้งานส่วนตัวจึงเป็นการแสวงประโยชน์จากผู้อื่นโดยมิชอบ ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ 


ในอดีต ทหารรับใช้ ถูกมองเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมทหาร เชื่อกันว่าการฝึกให้ทหารรับใช้บ้านนาย จะช่วยฝึกให้ทหารมีความอดทน รู้จักระเบียบวินัย และเสียสละ

แต่ ในปัจจุบัน การใช้ ทหารรับใช้ บ้านนาย ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก มองว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นการใช้ทหารผิดวัตถุประสงค์ และเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ชนชั้นสูง  


การใช้พลทหารรับใช้ ทำงานบ้าน เหมาะสมหรือไม่?


การใช้พลทหารไปรับใช้หรือทำงานส่วนตัวในบ้านของผู้บังคับบัญชา โดยทั่วไปถือเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ด้วยเหตุผลดังนี้


1. ไม่ใช่หน้าที่และภารกิจของทหารตามกฎหมาย ทหารมีหน้าที่หลักในการรักษาความมั่นคงและป้องกันประเทศ การใช้ให้ไปทำงานส่วนตัวจึงผิดวัตถุประสงค์

2. ขัดต่อระเบียบวินัยของกองทัพ การใช้ให้ทหารไปทำงานส่วนตัวเป็นการลิดรอนสิทธิและศักดิ์ศรีของทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่


3. เสี่ยงต่อการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน หากผู้บังคับบัญชาใช้อำนาจหน้าที่บังคับให้ทหารทำงานนอกเหนือไปจากภารกิจหลัก

4. สร้างความไม่เท่าเทียมและความไม่เป็นธรรมในหมู่ทหาร หากมีบางคนถูกเลือกให้ไปทำงานส่วนตัว

5. กระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของกองทัพ หากสาธารณชนรับรู้ว่ามีการใช้ประโยชน์จากทหารเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว


ดังนั้น การใช้พลทหารไปรับใช้หรือทำงานส่วนตัวในบ้านของผู้บังคับบัญชาจึงไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสม เว้นแต่จะเป็นภารกิจหรืองานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างถูกต้องตามระเบียบของกองทัพเท่านั้น


เพื่อสร้างความโปร่งใสและป้องกันการใช้ "ทหารรับใช้" ในทางที่ผิด จำเป็นต้องมีกลไกการตรวจสอบและควบคุมอย่างเข้มงวด ดังนี้:


1. กำหนดระเบียบที่ชัดเจน:


ระบุวัตถุประสงค์ของการใช้ "ทหารรับใช้" ให้ชัดเจน

กำหนดขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบของ "ทหารรับใช้"

ห้ามใช้ "ทหารรับใช้" ในงานส่วนตัว

กำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน


2. มีกลไกการตรวจสอบ:


ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้ "ทหารรับใช้"

เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถร้องเรียนได้

ตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอและเปิดเผยผลการตรวจสอบ


3. เพิ่มบทลงโทษ:


เพิ่มบทลงโทษสำหรับผู้ใช้ "ทหารรับใช้" ในทางที่ผิด

ลงโทษทั้งผู้ใช้และผู้รับใช้


4. รณรงค์สร้างความตระหนัก:


ให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน

รณรงค์ให้ทหารเกณฑ์รู้จักสิทธิของตัวเอง

กระตุ้นให้สังคมตื่นตัวและตรวจสอบการใช้ "ทหารรับใช้"

การมีกลไกการตรวจสอบและควบคุม "ทหารรับใช้" อย่างเข้มงวด จะช่วยสร้างความโปร่งใส ป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน และนำไปสู่การใช้ทหารอย่างถูกต้องและเหมาะสม


นอกจากนี้ ยังมีแนวทางอื่นๆ ที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม เช่น:


ยกเลิกระบบ "ทหารรับใช้"

เปลี่ยนระบบ "ทหารรับใช้" ให้เป็นระบบ "อาสาสมัคร"

พัฒนาระบบสวัสดิการให้ทหารเกณฑ์

การแก้ปัญหา "ทหารรับใช้" จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รัฐบาล ภาคประชาสังคม และประชาชน เพื่อสร้างสังคมไทยที่ทหารทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและมีสิทธิมนุษยชน


การเปิดเผยข้อมูล: หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนทหารรับใช้ หน้าที่ความรับผิดชอบ กระบวนการคัดเลือก การฝึกอบรม และกลไกการตรวจสอบ

การตรวจสอบโดยพลเรือน: ควรมีกลไกการตรวจสอบโดยพลเรือน เช่น คณะกรรมการอิสระ เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้ "ทหารรับใช้"

การมีส่วนร่วมของประชาชน: ควรเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถร้องเรียน แจ้งเบาะแส เกี่ยวกับการใช้ "ทหารรับใช้" ที่ผิดวัตถุประสงค์

การลงโทษที่รุนแรง: ควรมีบทลงโทษที่รุนแรงสำหรับผู้ที่ใช้ "ทหารรับใช้" ผิดวัตถุประสงค์


เปิดคำสั่งเด็ดขาด ห้ามใช้พลทหารทำงานบ้าน


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุทิน คลังแสง ได้เน้นย้ำในการประชุมสภากลาโหมให้หน่วยงานต่างๆ ภายใต้กระทรวงกลาโหม กวดขันวินัยของกำลังพลอย่างเคร่งครัด ไม่ให้มีการกระทำที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากมีกำลังพลจำนวนมาก ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามระเบียบ โดยเฉพาะการนำพลทหารไปใช้งานส่วนตัวที่บ้านของผู้บังคับบัญชา


ทั้งนี้ นายสุทินระบุว่า ขณะนี้แต่ละเหล่าทัพกำลังตรวจสอบจำนวนพลทหารที่ถูกส่งไปรับใช้ที่บ้านผู้บังคับบัญชา ซึ่งได้สั่งห้ามไปแล้ว ยกเว้นการปฏิบัติงานตามระเบียบ โดยเชื่อว่าข่าวเหล่านี้มีการเผยแพร่โดยฝ่ายการเมืองเพื่อดิสเครดิตทหาร


นายสุทินยอมรับว่า การนำพลทหารไปใช้งานในบ้านเหมือนพ่อบ้าน-แม่บ้านนั้นไม่เหมาะสม และได้บอกแล้วว่าอย่าทำ หากยังมีพฤติกรรมดังกล่าวอีก อาจต้องออกระเบียบกำหนดหน้าที่ของทหารบริการให้ชัดเจน แต่ขณะนี้ขอให้ใช้นโยบายแบบผู้ใหญ่ก่อน


นอกจากนี้ นายสุทินยืนยันว่า ได้สั่งห้ามไม่ให้นำพลทหารไปทำงานส่วนตัวอีก หากยังฝ่าฝืนต้องลงโทษอย่างเด็ดขาด แต่การให้ทหารบริการช่วยงานผู้บังคับบัญชาในระหว่างปฏิบัติภารกิจ เช่น เลขานุการส่วนตัวของตน สามารถทำได้


สุทินกล่าวด้วยว่า กำลังทำคลิปวิดีโออธิบายเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชายไทยที่จะเข้ารับราชการทหาร ว่าจะไม่ถูกนำไปใช้งานในลักษณะดังกล่าว คาดว่าจะเปิดตัวคลิปในสัปดาห์หน้า ก่อนการตรวจเลือกทหารกองเกิน



การออกระเบียบหรือกฎหมายที่เกี่ยวกับการห้ามใช้พลทหารไปรับใช้งานส่วนตัวที่บ้านของผู้บังคับบัญชานั้น เป็นสิ่งที่ควรมีและมีความจำเป็น ด้วยเหตุผลดังนี้


1. เพื่อกำหนดขอบเขตหน้าที่และภารกิจของพลทหารให้ชัดเจน การนำไปใช้งานส่วนตัวเป็นการผิดวัตถุประสงค์และกฎหมาย จึงต้องมีระเบียบห้ามไว้อย่างชัดแจ้ง


2. เพื่อป้องกันการใช้อำนาจหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาเกินขอบเขตโดยละเมิดสิทธิของพลทหาร ระเบียบจะเป็นเครื่องมือควบคุมและตรวจสอบได้


3. เพื่อรักษาวินัย จรรยาบรรณ และศักดิ์ศรีของพลทหารไม่ให้ถูกดูถูกหรือนำไปใช้งานอันไม่สมควร ระเบียบจะเป็นหลักการและกรอบในการปฏิบัติอย่างเหมาะสม


4. เพื่อสร้างความเป็นธรรมและมาตรฐานเดียวกันในการปฏิบัติงานของพลทหาร หากไม่มีระเบียบ อาจเกิดการเลือกปฏิบัติและเอารัดเอาเปรียบกันได้


5. เพื่อเป็นหลักฐานและบทลงโทษที่ชัดเจน หากมีการฝ่าฝืนละเมิดระเบียบ จะสามารถดำเนินการตามกระบวนการทางวินัยได้อย่างรัดกุมและเป็นธรรม


ดังนั้น การมีระเบียบหรือกฎหมายที่ห้ามการใช้พลทหารไปรับใช้งานส่วนตัวจึงมีความจำเป็นและสำคัญ เพื่อเป็นกรอบการทำงานของกองทัพ คุ้มครองสิทธิพลทหาร และรักษาวินัยและจรรยาบรรณของกองทัพไว้ได้อย่างเหมาะสม


ข่าวแนะนำ