
รู้ไหมว่า เศรษฐกิจไทยก้าวสู่จุดสูงสุด GDP โตถึง 13.3%
นั่นเป็นตัวเลขในปี 2531 ปีสุดท้ายที่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเป็นปีที่โลกขนานนามเศรษฐกิจไทยว่า เสือตัวที่ 5 แห่งเอเชีย
มาวันนี้ GDP ไทยปี 2567 เติบโต 2.5% เท่านั้น ไม่สามาระทะลุเพดาน 3% ได้เป็นปีที่ 12 ติดต่อกัน
และปีนี้ ก็อาจเป็นปีที่ 13 ด้วย เพราะคาดการณ์แล้วว่า เศรษฐกิจไทย หากยังเป็นเช่นนี้ คงเติบโตได้เพียง 2.8% เท่านั้น
มันเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจไทย ?
สภาพัฒน์ ชี้ว่า ปี 2567 เครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจไทย ปรับตัวดีขึ้นหมด
สาขาการผลิตเกษตรกรรมกลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส สาขาที่พักและบริการด้านอาหาร สาขาการขายส่งและขายปลีก สาขาก่อสร้างขยายตัวเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อน และสาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้าขยายตัวต่อเนื่อง
แต่ที่มันไม่ดี เนื่องจากการลงทุนภาคเอกชนหดตัวต่อเนื่อง แม้การลงทุนภาครัฐจะขยายตัวแรงมากก็ตาม

สรุปข่าว
การลงทุนภาคเอกชนที่หดตัวมาจากภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ และอสังหาริมทรัพย์ ที่ยอดขายยังลดลงต่อเนื่อง จากความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูง
สองปัจจัยนี้ทำให้กำลังซื้อของครัวเรือนลดลง ดังนั้นการเร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนมีความสำคัญ เพื่อลดภาระหนี้ จะได้ เพิ่มรายได้ และเพิ่มกำลังซื้อกลับมาได้
แล้วชาติอาเซียนล่ะ GDP ของพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง
ปี 2567 ไทยรั้งท้ายอาเซียนทั้งหมด ยกเว้นเมียนมา
เวียดนามแซงหน้าไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 4 แล้ว นับแต่ปี 2564 ด้วยการเติบโต GDP ที่ต่อเนื่อง จาก 2.6% .นปี 2564 เป็น 7.1% ในปีนี้
แม้แต่สิงคโปร์เอง ที่เศรษฐกิจไม่ได้โตมากนัก ก็ยังแซงหน้าไทยในปีนี้ ด้วย GDP เติบโต 4.4%
และหากดูอัตราการเติบโตของ GDP ในปี 2567 และคาดการณ์ของปีนี้ จะเห็นว่า เกือบทุกประเทศยังคงสูงอยู่ แต่ของไทย มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มเพียง 0.3% เป็น 2.8% เท่านั้น หากรัฐบาลไม่ทำอะไร
ธนาคารโลกเอง ก็เคย ประเมินว่า อัตราการเติบโตตามศักยภาพของไทยจะลดลงจากค่าเฉลี่ย 3.2% ในช่วงปี 2011-2021 เหลือ 2.7% ในช่วงปี 2022-2030
หากไม่ปฏิรูปนโยบายเร่งด่วน และหากทำไม่สำเร็จ เป้าหมายการก้าวสู่ประเทศรายได้สูงของไทย ก็คงเป็นได้แค่ความฝันต่อไป
ที่มาข้อมูล : สภาพัฒน์ 2568
ที่มารูปภาพ : Freepik

ทศพล ชัยสัมฤทธิ์ผล