
หน่วยงานทางเศรษฐกิจของไทยได้ทยอยปรับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ปี 2568 ใหม่ หลังประเมินเเนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศยังมีปัจจัยลบ ทั้งมาจากปัญหาด้านอุปทานเป็นสำคัญ เป็นปัญหาในเชิงโครงสร้างที่ต้องใช้เวลาในการแก้ไขมาตรการกีดกันทางการค้าสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลกดดัน GDP ไทย ต่ำลงกว่าคาด
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC)
ประเมินอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ปี 256 จะอยู่ที่ราว 2.4% ได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทในเฟสที่เหลือ
และการลงทุนภาครัฐที่จะขยายตัวต่อเนื่องจากมาตรการเร่งเบิกจ่าย และผลกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการใช้เงินในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ และต้องติดตามมาตรการกีดกันทางการค้าสหรัฐ จะเป็นปัจจัยกดดันการส่งออกและการลงทุนภาคเอกชนของไทย

สรุปข่าว
กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP Research)
ประเมินอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ปี 2568 จะอยู่ที่ราว 2.3% ต่ำกว่าปี 2567 ที่ 2.5% เเละมองว่าเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มโตต่ำและเผชิญความไม่แน่นอนสูงจากนโยบายการค้าของสหรัฐ ฯ เเละพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจปี 2567 ที่เติบโตได้ค่อนข้างต่ำ
แม้ว่าการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้ดีและมีมาตรการแจกเงินขนาดใหญ่จากภาครัฐแล้วก็ตาม บ่งชี้ถึงความอ่อนแอในภาคส่วนอื่นๆของเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจนจากปัญหาเชิงโครงสร้างโดยเฉพาะการผลิตภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีขนาดประมาณ 25% ของ GDP แต่หดตัวต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
จากการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในหลายอุตสาหกรรมทำให้เศรษฐกิจไทยมีความเปราะบางและกระจุกตัวมากขึ้นจากการพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวเป็นหลักซึ่งอาจไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตในระยะยาวได้อีกทั้งการเข้าสู่สังคมสูงอายุยังจะทำให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องและหากไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีแนวโน้มที่อาจต่ำกว่า 2.0% ภายในปี 2578
***ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch)
ประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ปี 2568 คงไว้ที่ 2.4% มองเศรษฐกิจ ไทยมีความเสี่ยงสูง เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”‘Sick Man of ASEAN’ โดยไทยยังไม่มีนโยบายกระตุ้นที่เป็น Quick Win จับตานโยบายทรัมป์ 2 เม.ย.2568 นี้ จะเป็นวันสำคัญที่ทางทรัมป์จะมีการประกาศมาตรการภาษีนำเข้าจากสหรัฐ ซึ่งหากเราโดนในอัตรา 25% ก็จะถือว่าสูงกว่าที่เราประเมินไว้ ซึ่งก็มีโอกาสที่จะเป็นไปได้ และอาจจะต้องพิจารณาทบทวนประมาณการต่าง ๆ กันอีกครั้งโดยปัจจัยดังกล่าว หวั่นว่าจะฉุด GDP เพิ่ม 0.6% หากโดนขึ้นภาษี 25%
ส่วนทางด้านโรงงานปิดตัวลามสู่รายใหญ่ ปัจจุบันแม้ว่าการปิดโรงงานจะอยู่ระดับทรงตัว แต่ยอดการปิดโรงงานสะสมยังอยู่ระดับสูง โดยนับตั้งแต่ปี 2564 ถึงปัจจุบัน พบว่าปิดโรงงานไปแล้วทั้งหมดเกือบ 5,000 แห่ง
เศรษฐกิจไทยมีความน่ากังวลมาก ทำให้หลายประเทศเรียกประเทศไทยว่า ‘Sick Man of ASEAN’ โดยไทยยังไม่มีนโยบายกระตุ้นที่เป็น Quick Win และในวันที่ 2 เมษายนที่จะถึงนี้ จะเป็นวันสำคัญที่ทางทรัมป์จะมีการประกาศมาตรการภาษีนำเข้าจากสหรัฐ ซึ่งหากเราโดนในอัตรา 25% ก็จะถือว่าสูงกว่าที่เราประเมินไว้ ซึ่งก็มีโอกาสที่จะเป็นไปได้ และอาจจะต้องพิจารณาทบทวนประมาณการต่าง ๆ กันอีกครั้ง
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
ประเมินอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ปี 2568 มีโอกาสจะเติบโตได้ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้เดิมที่ 2.9% โดยคาดว่าจะปรับมาอยู่ที่สูงกว่า 2.5% เล็กน้อย
โดยการที่ กนง. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยเติบโตได้ไม่สูง มาจากปัญหาด้านอุปทานเป็นสำคัญ เป็นปัญหาในเชิงโครงสร้างที่ต้องใช้เวลาในการแก้ไข ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงนี้ ส่วนหนึ่งจะช่วยลดต้นทุน และภาระทางการเงินให้ลูกหนี้ได้บ้าง และช่วย support เศรษฐกิจที่ Soft ลงมา รวมทั้งเงินเฟ้อที่ยังมีความเสี่ยงด้านต่ำ
ขณะที่การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในรอบนี้ จะสามารถรองรับกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ในระดับหนึ่ง และยืนยันว่า ยังไม่ใช่วัฎจักรดอกเบี้ยขาลง
ที่มาข้อมูล : TNN Wealth
ที่มารูปภาพ : รวบรวมข้อมูล : TNN Wealth

ธนานันท์ แก้ววิเศษ