เคยเป็นไหม"เหนื่อย"จนไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกแล้ว

“เหนื่อยเกินไปจนไม่อยากตื่นขึ้นมา” เป็นความรู้สึกที่หลายๆคนเคยเจอ โดยเฉพาะในช่วงที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเครียด ความกดดัน หรือความผิดหวัง อารมณ์แบบนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะเหนื่อยล้าทางจิตใจ*ที่ไม่ควรมองข้าม* มาดูกันว่าทำไมเราถึงรู้สึกเช่นนี้ และจะรับมืออย่างไร


ทำไมเราถึงรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกแล้ว?

 -ภาวะหมดไฟ (Burnout Syndrome) – เกิดจากการทำงานหนักเกินไปจนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีพลังเหลืออยู่

-ภาวะซึมเศร้า (Depression)ไม่ใช่แค่เหนื่อยทางกาย แต่เหนื่อยทางใจ รู้สึกสิ้นหวัง ขาดแรงจูงใจในการใช้ชีวิต

-ภาวะวิตกกังวล (Anxiety) ความกดดันและความเครียดสะสมทำให้สมองไม่สามารถพักผ่อนได้เต็มที่

 -ปัญหาความสัมพันธ์หรือชีวิตส่วนตัว เช่น ความขัดแย้งในครอบครัว ปัญหาทางการเงิน หรือการสูญเสียคนสำคัญ


สถิติที่น่าสนใจ

• มากกว่า 70% ของผู้ที่มีภาวะหมดไฟ รายงานว่าพวกเขารู้สึกเหนื่อยล้าจนไม่อยากตื่นขึ้นมาในตอนเช้า

• 1 ใน 3 ของคนวัยทำงาน เคยมีความรู้สึกว่าการตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตเป็นภาระที่หนักเกินไป


เคยเป็นไหม"เหนื่อย"จนไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกแล้ว

สรุปข่าว

“เหนื่อยเกินไปจนไม่อยากตื่นขึ้นมา” เป็นความรู้สึกที่หลายๆคนเคยเจอ โดยเฉพาะในช่วงที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเครียด ความกดดัน หรือความผิดหวัง อารมณ์แบบนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะเหนื่อยล้าทางจิตใจ*ที่ไม่ควรมองข้าม

สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณอาจกำลังเผชิญกับภาวะเหนื่อยล้าทางจิตใจ

- ตื่นมาแล้วรู้สึกหมดแรง แม้ว่าจะนอนเต็มอิ่ม

-ไม่อยากเจอผู้คน หรือรู้สึกว่าไม่มีแรงแม้แต่จะคุยกับใคร

- สิ่งที่เคยชอบทำกลับไม่รู้สึกสนุกอีกต่อไป

- ความคิดลบเพิ่มขึ้น เช่น “ฉันไม่มีคุณค่า” หรือ “ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”

- ร่างกายอ่อนเพลียเรื้อรัง มีอาการปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ หรืออาหารไม่ย่อย


** หากคุณมีอาการเหล่านี้ต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ อาจเป็นสัญญาณของภาวะซึมเศร้าหรือหมดไฟ ควรขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญครับ


*วิธีรับมือเมื่อรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากตื่นขึ้นมา*

 1. หยุดโทษตัวเอง – คุณไม่ได้อ่อนแอ การรู้สึกหมดแรงไม่ใช่ความผิดของคุณ

 2. ปรับเวลานอนให้มีคุณภาพ – หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์ก่อนนอน และลองฝึกสมาธิหรือโยคะเพื่อช่วยให้สมองสงบ

 3. ลดภาระที่กดดันตัวเอง – ลองจัดลำดับความสำคัญของงาน และขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น

 4. พูดคุยกับคนที่ไว้ใจได้ – การแชร์ความรู้สึกช่วยให้ใจเบาขึ้น อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องเผชิญกับปัญหาคนเดียว

 5. ขยับร่างกายแม้เพียงเล็กน้อย – การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอนโดรฟิน (Endorphins) ที่ช่วยลดความเครียด

 6. พบผู้เชี่ยวชาญหากอาการไม่ดีขึ้น – จิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาสามารถช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและหาทางออกที่เหมาะสม


* จำไว้ว่า: ความเหนื่อยล้าไม่ได้เป็นสิ่งถาวร หากคุณกำลังเผชิญกับมัน ขอให้เชื่อว่ายังมีหนทางให้เดินต่อไป