"ผีเสื้อ" สัตว์สำคัญต่อระบบนิเวศแต่กำลังลดลงจากวิกฤตอากาศ

นักชีววิทยาพบว่า ผีเสื้อมีวงจรชีวิตที่น่าสนใจมากคือมันจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างไม่เหมือนเดิม โดยแบ่งขั้นตอนการเจริญเติบโตออกเป็น 4 ขั้น คือ ระยะไข่ ตัวหนอน ดักแด้ และผีเสื้อ ข้อดีก็คือเมื่อสภาพร่างกายไม่เหมือนกัน การเจริญเติบโตของมันแต่ละขั้นตอนจึงไม่มีผลกระทบต่อกัน วงจรของผีเสื้อจะเริ่มจากการที่ผีเสื้อตัวผู้ผสมพันธุ์กับผีเสื้อตัวเมีย จากนั้นมันก็จะวางไข่ตามใบพืช มันจะวางไข่ใต้ใบไม้เป็นกลุ่มๆ หลังจากวางไข่ได้ 2-3 วัน หนอนในไข่ผีเสื้อจะปรากฏตัวและอีก 5-10 วันต่อมาหนอนก็จะใช้ปากเจาะเปลือกไข่ให้แตกแล้วกินเปลือกไข่ตนเองเป็นอาหารเมนูแรก เมื่อหนอนเติบโตเต็มที่มันจะขับใยเหนียวๆ ออกมาห่อหุ้มตัว กระบวนการปกป้องตัวเองเช่นนี้จะใช้เวลานานประมาณ 12 ชั่วโมง จากนั้นหนอนก็จะกลายเป็นดักแด้ที่ไม่ต้องการอาหารอะไรหรือทำอะไรเลย มันจะมุดตัวอยู่แต่ในเกราะและจะใช้เวลา 7-10 วันในการเปลี่ยนรูปร่างจนกลายเป็นผีเสื้อ และเมื่อผีเสื้อโผล่จากตัวดักแด้ใหม่ๆ มันยังบินไม่ได้เพราะปีกของมันยังไม่แข็งแรง แต่เมื่อปีกแห้งมันก็บินได้และผสมพันธุ์ได้ทันที สำหรับประโยชน์ของผีเสื้อมีมากมาย ทั้งตอนเป็นไข่และหนอน นับว่าเป็นห่วงโซ่สำคัญในสายใยอาหาร ทั้งเป็นผู้บริโภคและการเป็นเหยื่อ นอกจากนี้ผีเสื้อยังเป็นแมลงสำคัญที่ช่วยในการผสมเกสรของดอกไม้ ใช้เป็นตัววัดความสมบูรณ์ของป่าไม้ได้ และยังเป็นสัตว์ที่สร้างความสวยงามให้กับธรรมชาติ ปัจจุบันนี้ประชากรผีเสื้อลดลงทั่วโลกจากภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ สำหรับผีเสื้อ เป็นเหมือนตัวชี้วัดคุณภาพของโลก ดังนั้นเมื่อประชากรผีเสื้อลดลง ก็เท่ากับว่า สถานการณ์ก็น่าเป็นห่วงสำหรับระบบนิเวศที่มีผลกระทบต่อทั้งสัตว์และมนุษย์