ลานีญาจบกลางปี 68 ขณะที่โลกยังร้อนขึ้นต่อเนื่อง

ตามรายงานล่าสุดของ WMO มีโอกาสร้อยละ 60 ที่มหาสมุทรแปซิฟิกจะกลับสู่ภาวะ ENSO-neutral (ไม่มีลานีญาหรือเอลนีโญ) ในช่วงมีนาคม-พฤษภาคม 2568 และเพิ่มเป็นร้อยละ 70 ในช่วงเมษายน-มิถุนายน 2568 ขณะที่โอกาสเกิดเอลนีโญในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำมาก

ศาสตราจารย์เซเลสเต เซาโล (Celeste Saulo) เลขาธิการ WMO ระบุว่าการพยากรณ์เกี่ยวกับเอลนีโญและลานีญามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเตรียมรับมือภัยพิบัติและการวางแผนล่วงหน้า ซึ่งช่วยลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจในภาคเกษตรกรรม พลังงาน และคมนาคม รวมถึงช่วยชีวิตผู้คนจำนวนมาก

ลานีญาจบกลางปี 68 ขณะที่โลกยังร้อนขึ้นต่อเนื่อง

สรุปข่าว

WMO คาดการณ์ว่าลานีญาจะสิ้นสุดลงกลางปี 2568 และอุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกจะกลับสู่ภาวะปกติ ขณะที่อุณหภูมิโลกยังคงสูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน

ลานีญาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของกระแสลม ความกดอากาศ และปริมาณน้ำฝน โดยมักส่งผลตรงข้ามกับเอลนีโญ เช่น ออสเตรเลีย มักเผชิญฝนตกหนักและน้ำท่วมในช่วงลานีญา ขณะที่เอลนีโญอาจทำให้เกิดภัยแล้ง ส่วนทางฝั่งอเมริกาใต้ อาจประสบภัยแล้งในช่วงลานีญา แต่มีฝนตกมากขึ้นในช่วงเอลนีโญ

อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นท่ามกลางภาวะโลกร้อนที่มนุษย์มีส่วนทำให้รุนแรงขึ้น ส่งผลให้เกิดสภาพอากาศสุดขั้วมากขึ้น โดย WMO รายงานว่าเดือนมกราคม 2568 เป็นเดือนมกราคมที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงลานีญาซึ่งปกติจะทำให้อากาศเย็นลง

นอกจากการติดตาม ENSO แล้ว WMO ยังเผยแพร่รายงานแนวโน้มภูมิอากาศโลก (Global Seasonal Climate Updates - GSCU) ที่วิเคราะห์ปัจจัยอื่น ๆ เช่น สภาพอากาศในมหาสมุทรแอตแลนติกและอาร์กติก โดยระบุว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลกมีแนวโน้มจะเผชิญอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยในฤดูกาลถัดไป ยกเว้นบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกที่ยังคงเย็นกว่าปกติ

ลานีญากำลังจะสิ้นสุดลงและอุณหภูมิมหาสมุทรแปซิฟิกเตรียมกลับสู่ภาวะปกติในช่วงกลางปี 2568 แม้ว่าสภาพอากาศจะได้รับอิทธิพลจาก ENSO แต่นักวิทยาศาสตร์ย้ำว่าภาวะโลกร้อนยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้โลกเผชิญสภาพอากาศรุนแรงมากขึ้น

ที่มาข้อมูล : news.un.org

ที่มารูปภาพ : NOAA

avatar

Sane Srisukhot
(Sane Srisukhot)