
ทรัมป์ แถลงเมื่อวานนี้ (19 มีนาคม) ว่า เขาได้ “พูดคุยทางโทรศัพท์อย่างดีมาก” กับเซเลนสกี โดยการหารือครั้งแรกของผู้นำทั้งสองตั้งแต่การประชุมที่ห้องทำงานรูปไข่ ในทำเนียบขาว กลายเป็นการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ทรัมป์ให้คำมั่นมานานว่าจะยุติความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุดของยุโรปตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่การที่เขามีท่าทีประนีประนอมกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ทำให้พันธมิตรในยุโรปเกิดความวิตกกังวล ซึ่งกลัวว่า การกระทำดังกล่าวจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ มุ่งเน้นการปกป้องยุโรปจากการขยายอำนาจของรัสเซียมาเป็นเวลา 80 ปี
ส่วนเซเลนสกี กล่าวว่า สันติภาพที่ยั่งยืนจะประสบความสำเร็จได้ในปีนี้ หลังจากที่เขาและทรัมป์ ต่างระบุว่า ผลของการได้โทรศัพท์พูดคุยกัน ออกมาในเชิงบวก
การหารือทางโทรศัพท์ของทรัมป์และเซเลนสกีในครั้งนี้มีการพูดถึงประเด็นเกี่ยวกับการหยุดชั่วคราวที่ "มีแนวโน้มมากที่สุด" โดยเฉพาะการโจมตีโครงสร้างด้านพลังงานที่ผู้นำยูเครนยอมตกลงที่จะหยุดการโจมตี “บางส่วน” รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการหารือให้ยุติโจมตีด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้เซเลนสกียังยอมรับข้อเสนอยุติการโจมตีบริเวณแนวหน้าอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกด้วย
ทั้งนี้ ทรัมป์และเซเลนสกี ได้พบกันเป็นระยะ ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งวาระแรก การประชุมบางส่วนมีดังต่อไปนี้:

สรุปข่าว
เซเลนสกีพบหารือทรัมป์ในนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2562 ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากรัฐบาลทรัมป์ เผยแพร่สรุปการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำทั้งสอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทรัมป์กดดันเซเลนสกีให้สอบสวนคู่แข่งทางการเมืองอย่างอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน
ทรัมป์, เซเลนสกีและประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส จัดการประชุมสามฝ่ายในวันที่ 7 ธันวาคม 2567 ก่อนพิธีเปิดอาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส
ทรัมป์กล่าวในวันที่ 27 กันยายน 2567 ว่า เขาจะทำงานร่วมกับทั้งยูเครนและรัสเซีย เพื่อยุติสงคราม ขณะที่เขายืนอยู่ข้างกับเซเลนสกีก่อนการประชุมในนิวยอร์ก ซึ่งทรัมป์ชื่นชมเซเลนสกี แต่ก็บอกว่า เขามีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับประธานาธิบดีปูตินด้วย