เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายบ้าง หากต้องอยู่ในอวกาศเป็นเวลานาน?

บัช วิลมอร์ และ สุนิตา วิลเลียมส์ นักบินอวกาศของนาซา ที่ติดอยู่ในสถานีอวกาศนานาชาติ ISS นานถึง 9 เดือน ได้เดินทางกลับถึงโลกแล้วอย่างปลอดภัย ซึ่งพวกเขากำลังเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพราะการใช้ชีวิตในอวกาศเป็นเวลานานหลายเดือน อาจส่งผลกระทบหลายอย่างต่อร่างกาย ทั้งที่เรามองเห็นและมองไม่เห็น 

 

ข้อแตกต่างด้านสภาพแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดระหว่างการอยู่บนโลก กับการอยู่ในอวกาศ คือในอวกาศไม่มีแรงโน้มถ่วง และสิ่งที่ได้รับผลกระทบในทันทีคือกล้ามเนื้อและกระดูกของนักบินอวกาศ เนื่องจากในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง กล้ามเนื้อแทบจะไม่ต้องทำงานในการรับน้ำหนักของร่างกาย ทำให้มวลกล้ามเนื้อเริ่มฝ่อและอ่อนแรง โดยกล้ามเนื้อของนักบินอวกาศอาจฝ่อลงได้ถึง 30% หากปฏิบัติภารกิจในอวกาศนาน 6 เดือน

 

เช่นเดียวกับกระดูกของนักบินอวกาศที่อาจสูญเสียมวลของกระดูกได้มากถึง 1-2% ต่อเดือน และอาจสูงถึง 10% ในช่วงหกเดือนแรก เนื่องจากกระดูกแทบจะไม่ต้องรับน้ำหนักหรือแรงกระแทกใด ๆ จากการยืนหรือการเดิน ทำให้กระดูกของนักบินอวกาศเริ่มสูญเสียแร่ธาตุแคลเซียมและสูญเสียความแข็งแรง และมีความเสี่ยงจะเป็นโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะกระดูกส่วนที่ทำหน้าที่รับน้ำหนักส่วนใหญ่ของร่างกาย เช่น กระดูกส่วนเอว กระดูหลังด้านล่าง และกระดูกขา ยิ่งนักบินอวกาศมีอายุมากเท่าไร ก็จะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น

 

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่านักบินอวกาศที่กลับมายังโลกแล้ว ต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าที่มวลกระดูกของพวกเขาจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่นักบินอวกาศจะต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ระหว่างที่อยู่ในอวกาศ เพื่อลดความเสี่ยงของสภาพกล้ามเนื้ออ่อนแรงและกระดูกพรุน โดยนักบินอวกาศแต่ละคนจะต้องออกกำลังกายสัปดาห์ละ 6-7 วัน วันละ 2 ชั่วโมงครึ่ง เป็นประจำ

เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายบ้าง หากต้องอยู่ในอวกาศเป็นเวลานาน?

สรุปข่าว

จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของมนุษย์บ้าง หากต้องอยู่ในอวกาศเป็นเวลานาน ซึ่งมีผลกระทบหลายอย่างต่อร่างกาย ทั้งที่เรามองเห็นและมองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อ กระดูก สายตา ภูมิคุ้มกัน ไปจนถึง DNA

ภาวะไร้แรงโน้มถ่วงยังส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดในร่ายกาน ซึ่งปกติแล้ว เลือดในร่างกายมนุษย์จะไหลจากด้านบนสู่ด้านล่าง แต่ในอวกาศ เลือดจะไหลลงสู่ด้านล่างได้น้อยลง และไหลไปสะสมที่ศีรษะมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็น จากของเหลวที่สะสมอยู่รอบ ๆ ดวงตา จนทำให้เกิดอาการบวมทั้งในบริเวณรอบดวงตาและสมอง ซึ่งร่างกายของนักบินอวกาศแต่ละคน มักจะปรับตัวได้ แต่บางคนก็อาจมีอาการทำให้ความคมชัดในการมองเห็นลดน้อยลง

 

นอกจากนี้ ภูมิคุ้มกันของนักบินอวกาศอาจแปรปรวน ด้วยสภาพแวดล้อมในอวกาศหลายอย่างที่ไม่เหมือนบนโลก ไม่ว่าจะเป็นสภาวะไร้น้ำหนัก รังสีที่แผ่ออกมาจากดวงอาทิตย์ ความเครียด และวงจรการนอนหลับที่ไม่เหมือนเดิม โดย ไบรอัน ครูเชียน ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันวิทยาของ NASA บอกว่านักบินอวกาศที่อยู่ในอวกาศเป็นเวลานาน ๆ อาจมีภาวะภูมิคุ้มกันตอบสนองเร็วเกินไป ทำให้นักบินอวกาศมีความเสี่ยงที่จะป่วยมากขึ้น แม้ถูกกระตุ้นด้วยไวรัสเพียงเล็กน้อย 

 

รังสียังส่งผลต่อ DNA ของนักบินอวกาศ โดยใน DNA ของมนุษย์ มีโครงสร้างที่เรียกว่า เทโลเมียร์ ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องร่างกายของมนุษย์เมื่อมีอายุมากขึ้น ซึ่งนักวิจัยพบว่าเทโลเมียร์ใน DNA ของมนุษย์จะมีความยาวมากขึ้น เมื่ออยู่ในอวกาศ และกลับมาสั้นลงเมื่ออยู่บนโลก ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่อาจเกี่ยวข้องกับการสัมผัสกับรังสีที่ซับซ้อนในอวกาศเป็นเวลานาน

การตรวจสุขภาพและเก็บข้อมูลด้านร่างกายของนักบินอวกาศที่เพิ่งเดินทางกลับมายังโลก จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อที่จะเตรียมความพร้อมด้านร่างกายให้กับนักบินอวกาศในภารกิจครั้งถัดไป ซึ่งก็มีแนวโน้มว่าภารกิจอวกาศในอนาคต นักบินอวกาศแต่ละคนจะต้องอยู่ในอวกาศนานมากขึ้นเรื่อย ๆ 

ที่มาข้อมูล : Reuters

ที่มารูปภาพ : Pixabay

avatar

ชาญชัยประทีปวัฒนะวงศ์