
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อินเดีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก กำลังวางแผนที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กส่วนใหญ่ในอัตรา 12%
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมของอินเดียได้แนะนำให้เก็บภาษีเหล่านี้เป็นระยะเวลา 200 วัน ตามการตัดสินใจเบื้องต้นที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กระทรวงการค้าระหว่างประเทศได้เชิญชวนให้แสดงความคิดเห็นและจะทำการแนะนำขั้นสุดท้ายหลังจากการพิจารณาครั้งต่อไป
นอกจากนี้ ภาษีนำเข้าที่เรียกว่าภาษีป้องกันอาจมีผลบังคับใช้ในช่วงที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กำหนดภาษีนำเข้าครั้งใหญ่ ซึ่งก่อให้เกิดความกลัวต่อสงครามการค้าและบังคับให้อุตสาหกรรมเหล็กทั่วโลกต้องปรับเส้นทางการค้าใหม่ อินเดียและเวียดนามเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเหล็กในเอเชียที่เติบโตอย่างรวดเร็วซึ่งอาจเผชิญกับภาวะล้นตลาดของเหล็ก

สรุปข่าว
อินเดีย ดำเนินการเช่นเดียวกับประเทศต่างๆ ตั้งแต่ซาอุดีอาระเบียไปจนถึงเวียดนามและชิลี ในการใช้มาตรการทางการค้าเพื่อจำกัดการไหลเข้าของเงินราคาถูก ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของเหล็กจากจีน ผู้ผลิตในจีนพึ่งพาการส่งออกเป็นอย่างมาก ทำให้เกิดคลื่นของมาตรการทางการค้าในปี 2567 แม้ว่าผู้ผลิตเหล็กของจีนจะลดการผลิตลง แต่ประเทศนี้ยังคงผลิตเหล็กมากกว่าความต้องการในประเทศมาก
อย่างไรก็ตาม หากมีการเรียกเก็บภาษีนี้ ภาษีนี้จะช่วยบรรเทาภาระให้กับผู้ผลิตเหล็กในอินเดีย เช่น Jindal Steel and Power Ltd. และ JSW Steel Ltd. ที่ร้องขอให้รัฐบาลช่วยเหลือ โดยข้อมูลของรัฐบาลระบุว่าอินเดียซื้อเหล็กสำเร็จรูปจากจีนเพิ่มขึ้น 80% เป็น 1.6 ล้านตันในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 ผู้ผลิตในอินเดียหลายรายร้องขอให้รัฐบาลกำหนดภาษีศุลกากรป้องกันเป็นเวลา 4 ปี
ที่มาข้อมูล : สำนักข่าวบลูมเบิร์ก
ที่มารูปภาพ : TNN