
ทำเนียบขาวเผยแพร่ภาพนิ่งผ่านแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ X แสดงให้เห็นประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ บัญชาการและติดตามปฏิบัติการโจมตีกลุ่มฮูตีในเยเมนเมื่อวานนี้ โดยมี มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และ ไมค์ วอลต์ซ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ เข้าร่วมติดตามและชมปฏิบัติการการโจมตีแบบสดๆ ทรัมป์โพสต์ข้อความผ่านสื่อออนไลน์ ทรูธ โซเชียล ของตนเองในเวลาต่อมาว่า ฮูตีซึ่งมีอิหร่านหนุนหลังยิงขีปนาวุธโจมตีเครื่องบินสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร การกระทำอันป่าเถื่อนและก่อการร้ายของฮูตีสร้างความเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์ และทำให้ชีวิตผู้คนจำนวนมากอยู่ในความเสี่ยง
ทรัมป์สั่งกองทัพเปิดฉากการโจมตีทางทหารต่อกลุ่มฮูตีในเยเมน เพื่อตอบโต้ที่ฮูตีโจมตีเส้นทางเดินเรือในทะเลแดง พร้อมเตือนว่า ‘นรกจะมาเยือน’ หากฮูตีไม่ยุติการโจมตีดังกล่าว ทรัมป์ยังเตือนไปถึงอิหร่าน ผู้สนับสนุนหลักของฮูตีด้วยว่า อิหร่านจำเป็นต้องหยุดการสนับสนุนกลุ่มฮูตีทันที และหากอิหร่านเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ จะถือว่าอิหร่านต้องรับผิดชอบทั้งหมด

สรุปข่าว
ด้านกลุ่มฮูตีรายงานว่า การโจมตีของกองทัพสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดระเบิดทำลายอาคารบ้านเรือนหลายแห่งในพื้นที่ฐานที่มั่นของกลุ่มฮูตีในกรุงซานา มีกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นจากย่านที่พักอาศัยแห่งหนึ่งในกรุงซานา รวมถึงบริเวณสนามบินซึ่งเป็นที่ตั้งหน่วยงานทางทหารหลายแห่ง กระทรวงสาธารณสุขในเยเมนที่บริหารโดยกลุ่มฮูตี ระบุว่า มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 31 ราย และบาดเจ็บ 10 คน ขณะเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงปิดกั้นพื้นที่ในทันที
กลุ่มฮูตีประกาศว่าจะตอบโต้ปฏิบัติการทางทหารของกองทัพสหรัฐฯ ครั้งนี้ และกล่าวหาสหรัฐฯ กับอังกฤษว่าโจมตีย่านที่อยู่อาศัยของพลเรือนในกรุงซานา แม้ว่าอังกฤษจะไม่ได้มีส่วนร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้ของสหรัฐฯ ก็ตาม
ทั้งนี้ กลุ่มฮูตีโจมตีเป้าหมายเรือสินค้ามากกว่า 100 ครั้งจากเดือนพฤศจิกายน 2566 โดยระบุว่า เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ จากสงครามของอิสราเอลกับฮามาสในฉนวนกาซา การโจมตีเยเมนครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซามีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี กบฏฮูตีแถลงในวันอังคารที่แล้ว ว่าจะกลับมาเดินหน้าโจมตีอีกครั้ง จนกว่าอิสราเอลจะยกเลิกขัดขวางความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ป้อนเข้าสู่ดินแดนของชาวปาเลสไตน์ ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ สหรัฐฯ เพิ่งกลับมาขึ้นบัญชีดำกลุ่มฮูตี ในฐานะองค์กรก่อการร้ายต่างชาติ ห้ามพลเมืองอเมริกันเกี่ยวข้องทางการค้าหรือด้านใดๆ
ที่มาข้อมูล : Reuters
ที่มารูปภาพ : White House