วัยรุ่นออสเตรเลียแอบพกปืนขึ้นเครื่องบิน แต่ถูกอดีตนักมวยจับตัวได้ก่อน

เจ้าหน้าที่ตำรวจออสเตรเลียควบคุมตัววัยรุ่นชายอายุ 17 ปี หลังจากพบว่าเขานำอาวุธปืนและกระสุนขึ้นไปบนเครื่องบินของสายการบินเจ็ทสตาร์ (Jetstar) เที่ยวบินที่ 610 ที่กำลังเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทางจากสนามบินแอวาลอน ใกล้กับนครเมลเบิร์น มุ่งหน้าสู่นครซิดนีย์ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 160 คน เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (6 มีนาคม)   


เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่าวัยรุ่นคนนี้แอบลักลอบนำอาวุธปืนขึ้นเครื่องบินด้วการฝ่ารั้วรักษาความปลอดภัยของสนามบินก่อนจะวิ่งไปที่บันไดเครื่องบินที่กำลังมีกลุ่มผู้โดยสารกำลังทยอยเดินขึ้นเครื่อง แต่ดันถูกนักบินและผู้โดยสารซึ่งเป็น “อดีตนักมวยอาชีพ” ช่วยกันจับตัวเอาไว้ได้ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาถึงโดยตำรวจกล่าวว่าวัยรุ่นชายได้ก่อเหตุที่สร้างความสะพรึงกลัวให้กับคนบนเที่ยวบินพร้อมกับชื่นชมในความกล้าหาญของผู้โดยสารที่จับตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ ผู้โดยสารคนหนึ่งกล่าวกับสื่อออสเตรเลียว่าวัยรุ่นชายแต่งตัวยด้วยเสื้อแจ็คเก็ตสีสะท้อนแสงซึ่งคล้ายกับเครื่องแบบเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสนามบิน ซึ่งเคราะห์ดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

วัยรุ่นออสเตรเลียแอบพกปืนขึ้นเครื่องบิน แต่ถูกอดีตนักมวยจับตัวได้ก่อน

สรุปข่าว

วัยรุ่นออสเตรเลียฝ่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำปืนขึ้นเครื่องบิน แต่ถูกผู้โดยสารซึ่งเป็นอดีตนักมวยจับตัวไว้ได้ เบื้องต้นยังไม่ทราบแรงจูงใจแต่ตำรวจประสานหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายให้ร่วมสอบสวน


ผู้ก่อเหตุจะถูกดำเนินคดีในศาลเยาวชนและต้องเผชิญกับ 8 ข้อกล่าวหาที่รวมไปถึงการเข้าถึงตัวเครื่องบินอย่างผิดกฎหมาย, เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของเที่ยวบินด้วย รวมไปถึงมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง ขณะเดียวกันจะมีการส่งทีมเก็บกู้วัตถุและผู้เชี่ยวชาญ เข้าตรวจสอบรถยนต์ไม่ทราบที่มาที่จอดอยู่ใกล้เคียงและกระเป๋า 2 ใบของผู้ก่อเหตุด้วย ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุยังคงอยู่ระหว่างการสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่กล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุป แต่ได้มีการประสานงานไปถึงหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายให้เข้าร่วมการสอบสวนด้วยเช่นเดียวกัน


ด้าน นายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบาเนซี ของออสเตรเลียแถลงยืนยันถึงการรักษาความปลอดภัยภายในสนามบินของออสเตรเลียหลังจากเหตุนี้สร้างความกังวลให้กับประชาชน อีกทั้งผู้นำออสเตรเลียได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่สนามบินสำหรับการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินที่รวดเร็วด้วย

ที่มาข้อมูล : BBC / AP

ที่มารูปภาพ : Reuters