
เหตุการณ์ที่เครื่องบินของสายการบินเดลตาแอร์ไลน์พลิกคว่ำ ขณะลงจอดที่สนามบินเพียร์สันในเมืองโตรอนโตของแคนาดา ซึ่งบนเครื่องบินมีผู้โดยสารและลูกเรือรวมทั้งหมด 80 คน เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 คน ตั้งแต่บาดเจ็บเล็กน้อย จนถึงบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งจากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านการบินให้ความเห็นไว้ว่า สาเหตุที่ทำให้อุบัติเหตุที่รุนแรงขนาดนี้ ไม่มีผู้เสียชีวิตเป็นเพราะการที่ผู้โดยสารทุกคนคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างถูกต้อง และพนักงานบนเครื่องบินที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี

สรุปข่าว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ไมค์ แมคคอร์มิค จากมหาวิทยาลัยด้านการบินเอมบรี-ริดเดิล ในรัฐฟลอริดาอธิบายว่าการที่เครื่องบินโดยสารพลิกคว่ำขณะลงจอดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้ง แต่เครื่องบินก็ถูกออกแบบมาให้รองรับสถานการณ์เช่นนี้ โดยที่นั่งของผู้โดยสารถูกยึดติดกับตัวเครื่องอย่างแน่นหนา แม้เครื่องบินจะพลิก ก็เป็นไปไม่ได้ที่ที่นั่งจะหลุดออกมา แต่หากผู้โดยสารไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ตัวของผู้โดยสารจะหลุดออกมาจากที่นั่งกระแทกเข้ากับส่วนอื่นของเครื่องบิน อย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้โดยสารทุกคนต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง ขณะที่เครื่องกำลังขึ้นบินหรือลงจอดเพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดออกมาจากที่นั่งลงไปกระแทกเพดานเครื่องบินที่พลิกลงมาอยู่ที่ด้านล่างแทน
พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ผ่านการฝึกมาอย่างดี ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ จากการตรวจสอบว่าผู้โดยสารทุกคนคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างถูกต้องก่อนที่เครื่องกำลังลงจอด และเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินแล้ว ลูกเรือสามารถให้การช่วยเหลือผู้โดยสารเพื่ออพยพออกจากเครื่องบินได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ซึ่งผู้โดยสารของสายการบินเดลตาแอร์ไลน์ ที่เกิดเหตุพลิกคว่ำ เปิดเผยว่าลูกเรือให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารปลดเข็มขัดนิรภัยเพื่อออกมาจากที่นั่งได้อย่างปลอดภัย และอพยพทุกคนออกจากเครื่องบินได้อย่างมืออาชีพ
“คนส่วนใหญ่อาจจะคิดว่าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน มีหน้าที่แค่เสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม แต่พวกเขาถูกฝึกมาอย่างดี เพื่อให้รับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ไมค์ แมคคอร์มิค ให้สัมภาษณ์กับ USA Today