เปิดใจ ! ตัวประกันไทยเล่าเรื่องระหว่างถูกฮามาสจับตัวในฉนวนกาซา

สำนักข่าวรอยเตอร์สได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ “นายวัชระ ศรีอ้วน” 1 ใน 5 ตัวประกันชาวไทยที่ได้รับการปล่อยตัวจากฉนวนกาซาและเพิ่งเดินทางกลับประเทศไทยอย่างปลอดภัยเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการสัมภาษณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างที่นายวัชระและครอบครัวผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ได้เดินทางไปร่วมพิธีฉลองการกลับสู่บ้านเกิดที่โบสถ์แห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี 

ชีวิตที่มีความสุขในอิสราเอล

นายวัชระกล่าวว่า เขาจากบ้านเกิดไปทำงานที่อิสราเอลตั้งแต่ปี 2020 แม้จะรู้ว่าอิสราเอลเป็นประเทศที่ยังคงมีความขัดแย้งอยู่ โดยความรู้สึกแรกที่ไปถึงอิสราเอลในตอนนั้น เขารู้สึกตื่นเต้นเพราะที่นี่ไม่เหมือนกับประเทศไทย แต่ก็ตัดสินใจว่าต้องไปเพราะเขาอยากให้ครอบครัวมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ และเขาอยากให้ลูกสาวมีโอกาสเข้าถึงการศึกษา นายวัชระเล่าว่าเขาทำงานอยู่ในนิคมการเกษตร หรือ คิบบุตส์ สำหรับปลูกอะโวคาโดและมันฝรั่ง เมื่อมีเวลาว่างจากการทำงานเขามักจะเล่นปิงปองกับเพื่อน ซึ่งช่วงเวลาเหล่านั้นนายวัชระกล่าวว่าเขาได้พบความสุขที่แท้จริง

ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 มาถึง...

เช้าวันนั้นทุกอย่างเหมือนปกติ ยกเว้นแต่ข้อความแจ้งเตือนภัยในโทรศัพท์ของเขาซึ่งตรงกับที่ฮามาสเริ่มปฏิบัติการบุกโจมตีอิสราเอล นายวัชระลุกขึ้นจากที่นอนและวิ่งเข้าไปหลบในห้องน้ำ ก่อนที่เขาจะพบกับกลุ่มชายสวมชุดเกราะที่เขารู้ว่าคนพวกนี้ไม่ใช่ทหารอิสราเอลแบบที่เขาเคยเห็น

และพวกเขาก็เริ่มยิงไปทั่ว นายวัชระจึงยกมือขึ้นและพยายามตะโกนว่า “Thailand, Thailand” จากนั้นชายสวมชุดเกราะได้ยึดโทรศัพท์ของนายวัชระและเข้ามาล้อมจับตัวเขาไปในที่สุด ซึ่งนายวัชระกล่าวกับรอยเตอร์สว่าเขาไม่ขอเล่าว่าจากจุดนั้นที่ถูกจับเขาเข้าไปในฉนวนกาซาได้อย่างไร

เปิดใจ ! ตัวประกันไทยเล่าเรื่องระหว่างถูกฮามาสจับตัวในฉนวนกาซา

สรุปข่าว

วัชระ ศรีอ้วน ตัวประกันไทยเล่าย้อนเหตุการณ์ระหว่างที่ถูกฮามาสจับตัวในฉนวนกาซานาน 15 เดือน

เรื่องเล่าระหว่างถูกจับตัว

นายวัชระเล่าว่าเมื่อถูกจับตัวมาที่ฉนวนกาซา เขาต้องเอาชีวิตรอดด้วยการกินชีส มะเขือเทศและแตงกวาปั่น โดยที่ฮามาสจะมอบข้าวให้บ้างเป็นครั้งคราว บางวันก็มีอาหารมากแต่บางวันก็ไม่ได้กินอะไรเลย น้ำก็เช่นเดียวกันไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะมีหรือไม่มี

วัชระเล่าต่อว่าการสื่อสารในนั้นถูกจำกัด เขาถูกสั่งให้ยกมือขึ้นเมื่อรู้สึกหิว นอกจากนี้ระหว่างที่ถูกจับตัวแม้ว่าด้านนอกจะมีการโจมตีทางอากาศจากกองทัพอิสราเอล แต่วัชระเผยว่าเขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยทั้งเสียงจากระเบิดหรือเสียงดังที่มาจากการโจมตี

แต่ละวันที่ผ่านไป วัชระทำได้เพียงดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ และขีดจำนวนวันที่ผ่านไปลงบนกระดาษที่ฮามาสมอบให้ แต่การนึกถึงครอบครัวเป็นสิ่งที่ทำให้วัชระตั้งมั่นว่าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อ เขารู้เพียงแค่เขาต้องมีชีวิตรอดออกมาและกลับไปหาครอบครัวให้ได้ วัชระเล่าว่าฮามาสมักจะบอกอยู่ซ้ำ ๆ ว่าพวกเขาจะได้รับการปล่อยตัว แต่ไม่ว่าจะบอกอีกกี่รอบมันไม่เคยเกิดขึ้น จนเขารู้สึกถึงความสิ้นหวังและหดหู่

อย่างไรก็ตาม สามวันก่อนหน้าที่วัชระจะได้รับการปล่อยตัว เขาเล่าว่าฮามาสบอกว่ากำลังมีการหยุดยิงและเขาจะได้เป็นอิสระ ในตอนนั้นเขาเชื่อคำพูดฮามาสแม้ความหวังจะถูกทำลายหลายครั้ง วัชระบอกว่าเขาเห็นฮามาสยิงปืนฉลองการหยุดยิงด้วย วัชระใช้ สามวันสุดท้ายก่อนได้รับการปล่อยตัวด้วยการพูดคุยกับเพื่อนและวางแผนว่าพวกเขาจะทำอะไรกันต่อหลังจากเป็นอิสระ ซึ่งข่าวดีที่จะได้ปล่อยตัวทำให้เขาตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ

วันแห่งอิสรภาพ

ในวันที่วัชระและเพื่อนชาวไทยอีก 4 คน ได้รับการปล่อยตัวจากเมืองข่านยูนิสในฉนวนกาซา วัชระเล่าหลังจากได้รับการช่วยเหลือและขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อกลับอิสราเอล วันนั้นเขาได้เห็นต้นไม้และทุ่งหญ้าเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 500 วัน มันทำให้รู้สึกเป็นอิสระอย่างแท้จริงเหมือนว่าสิ่งที่ครอบงำเขาอยู่ได้รับการปลดปล่อยแล้วและนั่นคือความรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่

เป้าหมายหลังจากนี้

วัชระเผยว่าเป้าหมายในชีวิตของเขาหลังจากนี้คือการสนับสนุนพ่อของเขาที่อายุมากขึ้นทุกวันและไม่สามารถทำอะไรได้มากเหมือนแต่ก่อน เขาอยากดูแลครอบครัวให้มีชีวิตที่ดีเพราะที่ผ่านมาครอบครัวต้องทนทุกข์ยากกันมานานแล้ว นอกจากนี้เขาอยากจะสานสัมพันธ์กับลูกสาวให้กลับมาแน่นแฟ้นและสร้างความทรงจำที่ล้ำค่าร่วมกันเพื่อชดเชยเวลาที่หายไป

วัชระกล่าวด้วยว่าเขาไม่อยากให้สงครามเกิดขึ้นอีก เขาต้องการให้เกิดสันติภาพ ที่ต้องเดินทางไปอิสราเอลก็เพื่อให้แน่ใจว่าเงินที่ได้จะทำให้ครอบครัวของเราสามารถใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายและมีความสุข แต่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เขาก็รู้สึกสุขใจที่ได้กลับมาอยู่กับครอบครัวเช่นนี้

ที่มาข้อมูล : Reuters

ที่มารูปภาพ : Reuters