
อิสราเอลโจมตีฉนวนกาซาเป็นวันที่ 3 วานนี้ (20 มีนาคม) ทั้งทางเหนือและใต้ของฉนวนกาซารวมถึงเมืองข่านยูนิส ทางใต้ของกาซา และโจมตีทั้งทางอากาศและทางบก มีผู้เสียชีวิต 91 คน เพิ่มจากรายงานเบื้องต้นที่ 70 คน ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากอิสราเอลเริ่มฟื้นทำสงครามกับกลุ่มฮามาสในกาซามานาน 3 วัน อยู่ที่ 710 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 900 คน โดยวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกที่อิสราเอลเริ่มโจมตีกาซาครั้งใหม่ มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด 413 คนในวันเดียว
ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตในกาซาจากสงครามนาน 17 เดือนก่อนการหยุดยิงเมื่อเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กลับมาเพิ่มขึ้นมากอีกครั้ง ล่าสุดเพิ่มเป็นกว่า 49,000 คนแล้ว
กองทัพอิสราเอลระบุว่า วานนี้กองทหารอิสราเอลได้ปฏิบัติการในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ในปฏิบัติการภาคพื้นดินแบบเจาะจงเป้าหมายทั้งทางเหนือและใต้ของฉนวนกาซา จุดประสงค์ของการใช้ทหารปฏิบัติการภาคพื้นดินคือ เพื่อขยายเขตกันชนที่กั้นแยกระหว่างตอนเหนือกับตอนใต้ของกาซา โดยเขตกันชนนี้เรียกว่า "ระเบียงเนตซาริม"

สรุปข่าว
ทางด้านฮามาสออกแถลงการณ์วานนี้ (20 มีนาคม) ระบุอิสราเอลส่งทหารบุกภาคพื้นดินเข้าสู่ระเบียงเนตซาริม เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงกาซาครั้งใหม่ หลังละเมิดหยุดยิงครั้งแรกเมื่อโจมตีทางอากาศกาซาในวันอังคาร (18 มีนาคม)
อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ล่าสุดของฮามาสดังกล่าว ยืนยันฮามาสยังคงยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงกาซา และเรียกร้องกลุ่มประเทศตัวกลางให้รับผิดชอบทำหน้าที่ของตัวเอง
ด้านซีซีทีวีของจีนรายงาน ความหวั่นกลัวเพิ่มขึ้นว่า สงครามกาซาจะหวนกลับมารุนแรงอีกครั้งเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมานาน 17 เดือน ก่อนที่จะหยุดพักไปนาน 2 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากฮามาสเริ่มโต้กลับอิสราเอลเป็นครั้งแรกแล้ว ด้วยการยิงจรวดใส่อิสราเอลครั้งแรกวานนี้ (20 มีนาคม)
ส่วนสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซา เริ่มขาดแคลนอาหารและยาแล้วหลังจากราคาอาหารในตลาดพุ่งขึ้นทันทีที่อิสราเอลฟื้นสงครามกาซาตั้งแต่วันอังคาร (18 มีนาคม) เป็นต้นมา ซึ่งเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซาให้หนักขึ้นอีก จากเดิมที่อิสราเอลได้ปิดกั้นความช่วยเหลือที่เข้าสู่กาซาไปแล้วตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ชายแดนกาซาถูกปิดทำให้สินค้าเข้าสู่กาซาไม่ได้ ชาวปาเลสไตน์ที่เพิ่งได้อพยพกลับบ้านในกาซาในช่วงเดือนที่แล้ว (กุมภาพันธ์) เริ่มประสบความยากลำบากในการซื้อหาอาหารในตลาด เพราะทั้งหากยากและราคาแพงขึ้นมากเกินเอื้อม