ศาลสหรัฐฯ มีคำสั่งระงับแผนการจ้างเจ้าหน้าที่รัฐให้ลาออกโดยสมัครใจของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งทรัมป์ได้เสนอให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นลูกจ้างรัฐ 2 ล้านคน สมัครใจลาออก โดยจะยังคงได้รับเงินเดือนและสวัสดิการจนถึงเดือนกันยายนนี้ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานรัฐให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยทรัมป์ได้กำหนดเส้นตายให้คนที่สมัครใจลาออกตัดสินใจภายในวันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ ซึ่งหากใครที่ไม่ยอมลาออกโดยสมัครใจ ก็มีความเสี่ยงที่อาจจะถูกปลดออก โดยไม่ได้รับเงินชดเชยใด ๆ ซึ่งศาลได้พิจารณาระงับแผนการจ้างเจ้าหน้าที่รัฐให้ลาออกของทรัมป์เป็นการชั่วคราว โดยจะมีการไต่สวนเรื่องนี้อีกครั้งในวันจันทร์หน้า ซึ่งศาลได้มีคำสั่งออกมาไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตาย เวลา 23:59 นาที ของคืนวันพฤหัสบดี ที่ทรัมป์บอกว่าคนที่สมัครใจลาออก จะต้องตัดสินใจก่อนเวลานี้
สรุปข่าว
ทางทำเนียบขาวบอกว่า ตอนนี้ มีคนที่สมัครใจลาออกแล้วมากกว่า 40,000 คน และมองว่าการที่ศาลสั่งระงับแผนการนี้ชั่วคราว เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ยังไม่ตัดสินใจลาออก เพราะจะได้มีเวลามากขึ้น ที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ ซึ่งแคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกประจำทำเนียบขาวบอกว่า เป็นโอกาสที่ไม่ควรพลาดที่ควรจะตัดสินใจรับข้อเสนอนี้ ที่เธอบอกว่าเป็นข้อเสนอที่ชีวิตนี้อาจจะได้เจอแค่ครั้งเดียว ซึ่งรัฐบาลทรัมป์คาดหวังไว้ว่าจะมีคนรับข้อเสนอนี้ประมาณ 200,000 คน และการได้ยืดเวลา ก็น่าจะทำให้มีคนสมัครใจลาออกเพิ่มมากขึ้น ในช่วงวันศุกร์เสาร์อาทิตย์นี้
ในมุมมองของทำเนียบขาว มองว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนมาก ที่ไม่ทำงานให้คุ้มค่าภาษีที่ประชาชนจ่ายไป ซึ่งถือว่าเป็นการเอาเปรียบประชาชน การเสนอเงินจ้างให้ลาออกจึงเป็นโอกาสดีที่คนกลุ่มนี้ จะได้เลิกเอาเปรียบคนอเมริกัน โดยที่ยังได้รับเงินชดเชยส่วนหนึ่งแทนที่จะถูกไล่ออกโดยไม่ได้รับอะไรเลย ซึ่งหลังจากนั้น รัฐบาลก็จะจัดจ้างคนที่มีความสามารถและพร้อมทำงานจริง ๆ เข้ามาทำหน้าที่แทน ซึ่งจะทำให้การทำงานของรัฐบาลมีความคล่องตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สหภาพแรงงานของเจ้าหน้าที่รัฐของสหรัฐฯ หรือ AFGE ที่ยื่นเรื่องนี้ต่อศาลให้พิจารณา บอกให้เจ้าหน้าที่รัฐอย่ารับข้อเสนอจ้างให้ลาออก โดยบอกว่านี่เป็นการบีบบังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐที่มีความสามารถลาออก เพื่อที่รัฐบาลจะได้มีที่ว่างที่จะได้จ้างคนของตัวเอง คนที่เป็นเครื่องมือทางการเมืองเข้ามาแทนที่ รวมทั้ง ให้บริษัทจัดหางานที่ให้ส่วนแบ่งมากกว่าเข้ามาทำสัญญาในการจัดจ้างคนกลุ่มใหม่เข้ามาทำงานแทนกลุ่มคนที่ลาออกไป ซึ่งศาลจะไต่สวนในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ว่าคำกล่าวอ้างของ AFGE นั้น มีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน