เงินบาทเช้านี้เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย" ที่ระดับ 34.58 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย" ที่ระดับ 34.58 บาท/ดอลลาร์

สรุปข่าว

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.58 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย" แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ที่ระดับ 34.60 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.45 - 34.70 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 34.52-34.66 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์

ที่มาพร้อมกับการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของสหรัฐฯ ในเดือนธันวาคม ขยายตัว +0.4%m/m น้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ นอกจากนี้ บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างก็ส่งสัญญาณว่า

เฟดยังมีแนวโน้มทยอยลดดอกเบี้ยได้ในปีนี้ หากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลง จนทำให้เฟดมั่นใจในการบรรลุเป้าหมายด้านเงินเฟ้อ ทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับเพิ่มโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ในปีนี้ ตาม Dot Plot

ล่าสุด เป็น 68% นอกจากนี้ เงินบาทยังได้แรงหนุนจากการทยอยปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ทะลุระดับ 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยนอกเหนือจากการปรับตัวลดลงบ้างของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงบ้าง สอดคล้องกับการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งระบุว่าเฟดยังมีโอกาสทยอยลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม

และรายงานยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับเพิ่มโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ในปีนี้ ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ปรับตัวลดลงสู่โซน 109 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 108.8-109.4 จุด)

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงประเมินว่า เงินบาทมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ Sideways ไปก่อน โดยมีแนวรับสำคัญในช่วง 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวต้านจะอยู่ในช่วง 34.70-34.80 บาทต่อดอลลาร์

ซึ่งในช่วงนี้ เรายังคงเห็นผู้เล่นในตลาดต่างรอทยอยขายเงินดอลลาร์ รวมถึงสกุลเงินต่างประเทศ เช่น เงินเยนญี่ปุ่น (JPYTHB ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้ ตามแนวโน้มการแข็งค่าของเงินเยนญี่ปุ่น หลังผู้เล่นในตลาดมองว่า

ธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ BOJ อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมกราคมนี้) ทำให้เงินบาทอาจยังไม่สามารถอ่อนค่าลงได้อย่างชัดเจน จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม

ทั้งนี้ หากประเมินจากกลยุทธ์ Trend-Following เรามองว่า เงินบาทอาจยังไม่ได้มีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าขึ้นชัดเจน จนกว่าเงินบาท (USDTHB) จะสามารถแข็งค่าหลุดโซนแนวรับถัดไปแถว 34.30 บาทต่อดอลลาร์ ได้

อนึ่ง ในช่วงระหว่างวัน เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของจีน ในช่วงราว 9.00 น. ตามเวลาประเทศไทย เพราะหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว

ออกมาแย่กว่าคาด ก็จะยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งอาจกดดันให้เงินหยวนจีน (CNY) เสี่ยงอ่อนค่าลง กดดันบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชีย

โดยเฉพาะเงินบาทได้ นอกจากนี้ ยังคงต้องติดตามทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ที่ยังคงสร้างความผันผวนและแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทอยู่ในช่วงนี้

ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า

ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้



ภาพจาก:  Getty Images 


ที่มาข้อมูล : หาเอง/ตัดต่อเอง

ที่มารูปภาพ : -

แท็กบทความ