
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.69 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 33.78 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.60-33.85 บาท/ดอลลาร์
นับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ยังคงทยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในกรอบ 33.68-33.87 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่าเงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า ในช่วงแรกตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หลังรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Jobless Claims) และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานต่อเนื่อง (Continuing Jobless Claims) ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า และออกมาดีกว่าคาด
อีกทั้ง ดัชนีราคาผู้ผลิต PPI เดือนกุมภาพันธ์ ก็ออกมา +3.2% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าและต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยคลายกังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญภาวะ Stagflation (เศรษฐกิจชะลอ แต่อัตราเงินเฟ้อสูง) อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็ถูกจำกัดลง ก่อนที่เงินดอลลาร์จะทยอยอ่อนค่า หลังบรรยากาศในตลาดการเงินพลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ท่ามกลางความกังวลความเสี่ยงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาเศรษฐกิจหลัก อย่าง ยุโรป
ซึ่งภาพดังกล่าวได้ หนุนให้ผู้เล่นในตลาดต่างเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งบอนด์ 10 ปี สหรัฐฯ (ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลง) ทองคำ และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) โดยราคาทองคำ (XAUUSD) สามารถปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (New All-Time High) และแกว่งตัวแถวโซน 2,980-2,990 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรทองคำเพิ่มเติม และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา

สรุปข่าว
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (U of Michigan Consumer Sentiment) ของสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะในส่วนของการบริโภคครัวเรือน นอกจากนี้ ในรายงานเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดจะจับตา รายงานอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะสั้นและระยะยาว (Inflation Expectations) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดได้
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจอังกฤษ ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 รวมถึง ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือนมกราคม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษ
แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) มีความเสี่ยงที่จะพลิกกลับไปอ่อนค่าลงได้ หากตลาดการเงินเผชิญแรงกดดันจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้าเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินในช่วงนี้ อาจยังพอช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง หากราคาทองคำยังสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ หรืออย่างน้อยก็แกว่งตัวในกรอบ Sideways
อีกทั้ง มองว่า ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ อาจหนุนให้ฟันด์โฟลว์ทยอยไหลออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพิ่มเติม และอาจช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ผ่านการทยอยปรับลดสถานะ JPY-Carry Trade ได้ (แต่เรามองว่า การปรับลดสถานะดังกล่าวจะไม่ได้รุนแรง จนทำให้เงินเยนญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นหนัก เหมือนในปีก่อนหน้า เพราะล่าสุด ผู้เล่นในตลาดได้มีสถานะ Net Long JPY พอสมควรแล้ว ต่างจากช่วงไตรมาส 3 ของปีก่อน ที่ผู้เล่นในตลาดต่างมีสถานะ Net Short JPY ที่สูงมาก)

Tanvarut Naumpakdee
(Tanvarut)