ปัจจัยกดดัน


ค่าเงินดอลลาร์ได้รับแรงเสริมจากตลาดการเงินสหรัฐฯ ที่กลับมามีภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) หลังนักลงทุนคลายกังวลต่อแนวโน้มการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และการอ่อนค่าของเงินเยนญี่ปุ่นยังส่งผลให้เงินบาทเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติม

ราคาทองคำที่ปรับตัวลดลงราว 30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง อย่างไรก็ตาม แรงขายเงินดอลลาร์จากผู้ส่งออกและการรีบาวด์ของราคาทองคำบางส่วนช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทในโซนแนวต้าน 34.00 บาทต่อดอลลาร์

ปัจจัยที่นักลงทุนต้องจับตาในวันที่ 25 มี.ค. 68 


นักลงทุนจะติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี (IFO Business Climate) ซึ่งอาจมีผลต่อค่าเงินยูโร หากตัวเลขออกมาดีกว่าคาดอาจช่วยพยุงค่าเงินยูโรและชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท นอกจากนี้ ข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเป็นปัจจัยสำคัญในการประเมินแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์

แนวโน้มค่าเงินบาทระยะสั้น


Krungthai GLOBAL MARKETS ประเมินว่า ค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าต่อเนื่องหากทะลุแนวต้าน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งจะสะท้อนการกลับเข้าสู่แนวโน้มอ่อนค่า อย่างไรก็ตาม เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าลงต่อเนื่องหากราคาทองคำสามารถฟื้นตัวหรือแกว่งตัวในกรอบแคบ ขณะเดียวกัน เงินบาทและสกุลเงินในเอเชียอาจได้รับแรงหนุนบางส่วนจากแนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น