

สรุปข่าว
วันนี้ ( 8 ม.ค. 66 ) นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า การประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ รอบระหว่างปี 2566-2569 เป็นการปรับเปลี่ยนจากรอบเดิม ระหว่าง 2559-2562 ซึ่งใช้มาจนถึงปี 2565 นับเป็นเวลา 7 ปี โดยค่าเฉลี่ยราคาประเมินที่ดินทั่วประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.93 เป็น ที่ดินในกรุงเทพฯ เพิ่มร้อยละ 2.76 และ ส่วนใหญ่ที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นที่ดินในต่างจังหวัด
สำหรับในเขตกรุงเทพฯนั้นราคาประเมินสูงสุดขณะนี้อยู่ที่ระดับ 1 ล้านบาทต่อตารางวา มีอยู่ 4 พื้นที่ เริ่มจากพระราม 1, ถนนวิทยุ, เพลินจิต และสีลม ซึ่งอาจไม่เห็นการปรับเพิ่มขึ้นของราคามากนัก ขณะที่พื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งมีราคาประเมินต่ำอยู่จะมีการปรับมากกว่า
จังหวัดที่ราคาประเมินปรับขึ้นสูงสุด
อันดับ 1 คือ กำแพงเพชร โดยปรับ ขึ้นมาร้อยละ 123 เหตุผลหลักเพราะมีการปรับรูปแบบการประเมินจากรายบล็อกเป็นรายแปลง ซึ่งเหมือนกันทั่วประเทศ
อันดับ 2 จังหวัดชลบุรี ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.24 เพราะส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ชายทะเล และเขตอุตสาหกรรม เช่น อำเภอพานทอง เป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัว จึงเป็นตัวกระตุ้นทำให้ที่ดินมีราคาค่อนข้างสูง
อันดับ 3 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.13
อันดับ 4 จังหวัดสระแก้ว เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.90
อันดับ 5 จังหวัดชัยนาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.84
ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เช่น ระยอง ราคาประเมินที่ดินเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 12 เนื่องจากยังไม่ได้มีการลงทุนสาธารณูปโภคมาก ฉะนั้นแรงกระตุ้นในการซื้อขายเปลี่ยนมือยังมีไม่มาก
ขณะที่พื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวอย่าง เชียงใหม่ ราคาประเมินเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5 ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ท่าแพ, ช้างคลาน, ถนนวิชยานนท์ ที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ เพราะยังมีโรงแรมเกิดขึ้นมาก แต่การเปลี่ยนมือยังไม่มาก
ด้าน "ภูเก็ต" ราคาประเมินที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เพราะเดิมราคาค่อนข้างสูงอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยราคาประเมินสูงสุดอยู่ที่ตารางวาละ 2 แสนบาท เป็นพื้นที่ชายหาด
ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาประเมินของกรมธนารักษ์ หากเปรียบเทียบกับราคาตลาด ยังต่ำกว่า 2-3 เท่า โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ จะเห็นว่า ราคาประเมินสูงสุดอยู่ที่ 1 ล้านบาทต่อตารางวา ขณะที่ราคาตลาดขยับขึ้นไป 2-3 ล้านบาทแล้ว
จากข้อมูลกรมที่ดินมีประมาณการรายได้ ประมาณปีละ 1 แสนล้านบาท จากการโอนกรรมสิทธิ์เปลี่ยนมือที่ดินประมาณ 7 ล้านแปลงต่อปี ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันมาตลอดทุกปี ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังโควิด
ข้อมูลจาก : กรมธนารักษ์
ภาพจาก : TNN ONLINE
ที่มาข้อมูล : -