
โรงไฟฟ้าขยะอ่อนนุชคืบหน้ากว่า 30% เตรียมเดินเครื่องปลายปี 2569
โครงการโรงไฟฟ้าขยะของกรุงเทพฯ ที่อ่อนนุชก้าวหน้าไปแล้วเกือบหนึ่งในสาม ขณะที่แผนงานทั้งหมดเดินตามกรอบเวลา ชาวกรุงเทพฯ เตรียมรอใช้ประโยชน์จากโครงการสุดล้ำนี้ในปลายปี 2569

สรุปข่าว
"เปลี่ยนขยะเป็นไฟ" ทางออกใหม่ของปัญหาขยะล้นเมือง
นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดของโครงการกำจัดมูลฝอยด้วยวิธีการเผาไหม้เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช ว่าตอนนี้ก้าวหน้าไปแล้วกว่า 30% และยังคงเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2569
"โรงไฟฟ้าขยะอ่อนนุช" เป็นโครงการใหญ่ที่สามารถรองรับขยะได้มากถึงวันละ 1,000 ตัน ตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างขวางถึง 30 ไร่ บริเวณศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช โดยเริ่มลงมือก่อสร้างเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 และมีกำหนดสร้างเสร็จในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2569 รวมระยะเวลาก่อสร้างทั้งหมด 1,000 วันพอดี โครงการนี้ดำเนินการโดยบริษัท นิวสกาย เอ็นเนอร์จี (แบงค็อก) จำกัด ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้รับเหมาหลักในการก่อสร้าง
เบื้องหลังเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าขยะ – ทำงานยังไงกันแน่?
สำหรับใครที่สงสัยว่าโรงไฟฟ้าขยะจะทำงานอย่างไร ขอเล่าให้ฟังแบบละเอียดเลยว่า ขั้นตอนแรก ขยะจากทั่วกรุงเทพฯ จะถูกขนส่งมาที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช จากนั้นขยะทั้งหมดจะถูกนำมาเทลงในบ่อรับขยะขนาดใหญ่ภายในอาคารระบบปิด ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 3-5 วัน เพื่อให้ความชื้นในขยะลดลงเหลือประมาณ 35% ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมสำหรับการเผาไหม้
หลังจากนั้น จะมีการใช้เครนขนาดใหญ่คีบขยะที่ผ่านการลดความชื้นแล้วใส่เข้าไปในเตาเผาแบบตะกรับ (Stoker Type) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเตาเผาที่มีประสิทธิภาพสูง ภายในเตานี้จะมีการควบคุมอุณหภูมิให้คงที่อยู่ที่ประมาณ 850-1,100 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับความร้อนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเผาขยะโดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษ
ความร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้ขยะนี้จะถูกนำไปต้มน้ำในหม้อไอน้ำ (Boiler) ทำให้เกิดเป็นไอน้ำแรงดันสูง ซึ่งจะถูกส่งไปขับเคลื่อนกังหัน (Turbine) เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) โดยโรงไฟฟ้าขยะแห่งนี้สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้สูงถึง 30 เมกะวัตต์ ซึ่งเพียงพอที่จะจ่ายไฟให้บ้านเรือนได้ประมาณ 50,000 หลังคาเรือนเลยทีเดียว
ความคืบหน้าล่าสุด - ผลงานที่ทำได้เกินเป้า
ปัจจุบันโครงการมีความคืบหน้าสะสมตามแผนอยู่ที่ 32.49% แต่ความคืบหน้าที่ทำได้จริงอยู่ที่ 32.26% ซึ่งถือว่าเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ งานสำคัญที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ประกอบด้วย
- งานฐานราก ได้ทำการเทพื้นคอนกรีตของอาคารหลักเสร็จเรียบร้อยแล้ว รวมถึงงานโครงสร้างพื้นที่ระดับ 15.45 เมตร ซึ่งเป็นฐานสำคัญของอาคารโรงไฟฟ้า
- งานโครงสร้างอาคาร ได้ติดตั้งโครงสร้างเหล็กรับหลังคาแล้ว และกำลังดำเนินการก่อสร้างนั่งร้านแบบเลื่อนในแนวดิ่ง (Slipform) สำหรับอาคารบ่อรับขยะมูลฝอย โดยความสูงของผนังที่ทำได้แล้วมากกว่า 30 เมตร
- ปล่องควันและระบบบำบัดมลพิษ ปล่องควันสำหรับระบายมลสารทางอากาศได้ก่อสร้างไปแล้วถึงระดับความสูง 60 เมตร พร้อมติดตั้งระบบบำบัดมลพิษที่ทันสมัยเพื่อควบคุมมลสารที่จะปล่อยออกสู่บรรยากาศให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
- ระบบผลิตไฟฟ้า ได้ติดตั้งอุปกรณ์หม้อไอน้ำและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการเชื่อมต่อระบบต่างๆ เข้าด้วยกัน
- ระบบสาธารณูปโภค งานติดตั้งสายส่งไฟฟ้าและการเชื่อมต่อระบบกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีความคืบหน้าไปมากแล้ว รวมถึงระบบประปาและสุขาภิบาลต่างๆ
- อาคารประกอบ อาคารปั๊มน้ำหมุนเวียน อาคารบ่อบำบัดน้ำเสียแบบชีวภาพ และอาคารบ่อบำบัดน้ำเสียแบบไม่ใช้ออกซิเจน ก็มีความคืบหน้าในการก่อสร้างไปมากพอสมควรแล้ว
ประโยชน์มหาศาลที่ชาวกรุงเทพฯ จะได้รับ
โรงไฟฟ้าขยะอ่อนนุชนี้จะเป็น "ทางออกใหม่" ของปัญหาขยะล้นเมืองที่กรุงเทพฯ ประสบมานาน โดยจะก่อให้เกิดประโยชน์มากมาย ดังนี้
- ลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปฝังกลบ ปัจจุบันกรุงเทพฯ ผลิตขยะมากถึงวันละกว่า 10,000 ตัน และพื้นที่ฝังกลบเริ่มเหลือน้อยลงทุกที การมีโรงไฟฟ้าขยะที่สามารถกำจัดขยะได้วันละ 1,000 ตัน จะช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปฝังกลบได้อย่างมาก ยืดอายุการใช้งานของหลุมฝังกลบที่มีอยู่อย่างจำกัดออกไปได้อีกหลายปี
- ผลิตพลังงานไฟฟ้าสะอาด โรงไฟฟ้าแห่งนี้จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 30 เมกะวัตต์ เพียงพอสำหรับบ้านเรือนประมาณ 50,000 หลังคาเรือน ช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตไฟฟ้า
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเผาขยะในระบบควบคุมช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากการย่อยสลายของขยะในหลุมฝังกลบ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 25 เท่า
- ลดค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะ การนำขยะมาผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าจะช่วยสร้างรายได้กลับคืนมา ซึ่งสามารถนำไปชดเชยค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะของกรุงเทพฯ ได้
- เป็นต้นแบบให้เมืองอื่นๆ ความสำเร็จของโครงการนี้จะเป็นตัวอย่างให้เมืองอื่นๆ ในไทยได้เห็นถึงประโยชน์ของการแปรรูปขยะเป็นพลังงาน และอาจนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ของตนเองได้
- สร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการนี้ช่วยสร้างงานให้แก่คนในพื้นที่ทั้งในช่วงก่อสร้างและเมื่อเปิดดำเนินการ อีกทั้งยังกระตุ้นการลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานสะอาดอีกด้วย
ไม่ต้องกังวลเรื่องมลพิษ - เพราะมีระบบป้องกันที่เข้มงวด
หลายคนอาจกังวลว่าโรงไฟฟ้าขยะจะก่อให้เกิดมลพิษ แต่ "ไม่ต้องกลัว" เพราะโรงไฟฟ้าแห่งนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดที่สุด ด้วยเทคโนโลยีต่อไปนี้
- ระบบปิดทั้งหมด ตั้งแต่การรับขยะ การจัดเก็บ และการกำจัด จะอยู่ในอาคารระบบปิดทั้งหมด ทำให้ไม่มีกลิ่นรบกวนออกไปสู่ชุมชนโดยรอบ
- ระบบบำบัดไอเสียขั้นสูง มีการติดตั้งระบบบำบัดมลพิษทางอากาศหลายขั้นตอน ทั้งการดักจับฝุ่น การกำจัดก๊าซพิษ และการกรองละเอียดก่อนปล่อยออกสู่บรรยากาศ ทำให้มั่นใจได้ว่าไอเสียที่ปล่อยออกมาจะเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดหรือดีกว่า
- ระบบติดตามคุณภาพอากาศแบบต่อเนื่อง มีการติดตั้งระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง และมีการรายงานผลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบอย่างสม่ำเสมอ
- ระบบบำบัดน้ำเสีย มีการติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียทั้งแบบชีวภาพและแบบไม่ใช้ออกซิเจน เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำที่ปล่อยออกจากโรงไฟฟ้าจะไม่ส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำในบริเวณใกล้เคียง
นอกจากนี้ กทม. ยังได้กำชับให้บริษัทผู้รับจ้างคำนึงถึงมาตรการด้านความปลอดภัยในการก่อสร้าง ตรวจสอบอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุในระหว่างการทำงาน รวมถึงยังได้กำชับให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างเคร่งครัดอีกด้วย
มองไปข้างหน้า - อนาคตของการจัดการขยะในกรุงเทพฯ
โรงไฟฟ้าขยะอ่อนนุชถือเป็นก้าวสำคัญของกรุงเทพมหานครในการเดินตามแผนพัฒนาการกำจัดขยะสู่ความยั่งยืน โดยนำขยะมาเปลี่ยนรูปเป็นพลังงาน เพื่อลดปริมาณการกำจัดขยะด้วยวิธีการฝังกลบซึ่งมีข้อจำกัดมากขึ้นทุกวัน
กรุงเทพฯ ยังมีแผนที่จะพัฒนาโรงไฟฟ้าขยะในพื้นที่อื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของเมือง โดยมุ่งหวังจะเปลี่ยนจากการพึ่งพาการฝังกลบเป็นหลัก มาเป็นการใช้เทคโนโลยีสะอาดในการกำจัดขยะและสร้างประโยชน์ให้กับสังคมไปพร้อมกัน
สรุปแล้ว โรงไฟฟ้าขยะอ่อนนุชไม่เพียงแต่เป็นโครงการด้านพลังงานเท่านั้น แต่ยังเป็น "โครงการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส" อย่างแท้จริง ที่จะช่วยแก้ปัญหาขยะล้นเมือง ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ต่อสู้กับปัญหาโลกร้อน และยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ที่มาข้อมูล : TNN เรียบเรียงจาก กทม.
ที่มารูปภาพ : TNN

ยศไกร รัตนบรรเทิง
เบน