“ชาง ย็อง-ซอง” หนึ่งในคณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ระบุว่า หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นจะเป็นประเด็นสำคัญในการหารือกันด้านนโยบาย ท่ามกลางราคาอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้น ซึ่งสะท้อนการคาดการณ์ที่ว่าวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงอาจสิ้นสุดเร็วกว่าที่ประเมินไว้
ทั้งนี้ หนี้ภาคครัวเรือนของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 ในปี 2567 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี โดยมีมูลค่าแตะ 1,927.3 ล้านล้านวอน หรือราว 1.34 ล้านล้านดอลลาร์
วัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาลงได้เริ่มต้นขึ้น และอาจปรับลดได้เพิ่มเติมโดยไม่กระทบกับเสถียรภาพราคา แต่ก็อาจจะต้องกลับมาหารือกันเกี่ยวกับราคาบ้านและหนี้ครัวเรือนเหมือนก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศด้วย
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 สู่ร้อยละ 2.75 ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เริ่มต้นวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาลงเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
สรุปข่าว
นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า น่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง อยู่ที่ร้อยละ 2.25 ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่คาดกันว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจลดจำนวนครั้งในการหั่นอัตราดอกเบี้ยลง หรือไม่ปรับลดเลยภายในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
เกาหลีใต้กำลังเผชิญกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามภาษีในยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มจะกระทบต่อผลกำไรของบริษัทต่าง ๆ ขณะที่ความวุ่นวายทางการเมืองในเกาหลีใต้จากกรณีประธานาธิบดียุน ซ็อก-ยอล ประกาศกฎอัยการศึก จนนำไปสู่การถอดถอนจากตำแหน่ง ก็ยังคงส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
ด้านรัฐบาลเกาหลีใต้ระบุว่าจะเข้มงวดเรื่องกฎระเบียบการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในย่านร่ำรวยของกรุงโซล เพื่อสกัดการเก็งกำไรที่ทำให้ราคาบ้านสูงขึ้น