"ทักษิณ" อยากซื้อหนี้เสีย กู้วิกฤตหนี้คนไทย แล้วโมเดล Good Bank-Bad Bank ได้ผลจริงหรือ?

อดีตนายกฯ ทักษิณ อยากซื้อหนี้เสียออกจาก Bank จะช่วยเคลียร์ปัญหาหนี้สินคนไทยอย่างไร?

รมว.คลัง แนะอีกทางแก้หนี้ คือ Bad bank แยกหนี้เสียออกจากหนี้ดี  เพิ่มโอกาสเข้าถึงเงินกู้ให้ประชาชนได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม 

เรื่องหนี้สิน เงินกู้มันเกี่ยวกับพวกเราโดยตรง ใครที่ยังไม่เข้าใจแนวคิดนี้ เดี๋ยวสรุปให้ฟัง

ปี 2567 เศรษฐกิจไทยไม่ฟื้นตัว แถมเป็นปีที่ประชาชน มีหนี้ครัวเรือนสูงถึง 606,378 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 8.4% จากปีก่อน สูงสุดในรอบ 16 ปี

"ทักษิณ" อยากซื้อหนี้เสีย กู้วิกฤตหนี้คนไทย แล้วโมเดล Good Bank-Bad Bank ได้ผลจริงหรือ?

สรุปข่าว

อดีตนายกฯ ทักษิณ เสนอแนวคิดให้เอกชนร่วมซื้อหนี้เสียออกจากระบบธนาคาร โดยประชาชนสามารถผ่อนคืนไม่เต็มจำนวนได้ หวังช่วยให้ประชาชนปลอดจากเครดิตบูโรและเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ขณะที่รัฐมนตรีคลังเสนออีกแนวทางคือ Bad Bank เพื่อแยกหนี้เสียออกจากหนี้ดี ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงเงินกู้

พบว่ามีประชาชน  71.1%  เคยผิดนัดชำระหนี้ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ปัจจัยหลักคือ เศรษฐกิจที่ไม่ดี รายได้ลดลง และค่าครองชีพที่สูงขึ้น  

พอคนมีหนี้สินมาก ก็ไม่สามารถใช้จ่ายได้ กู้ใหม่เพิ่มเติมก็ยาก ขาดโอกาสในการทำมาหากิน

หลังงานปราศัยที่มหาวิทยาลัยวันก่อน  อดีตนายกฯทักษิณ จึงเสนอไอเดียให้นายกฯ แพทองธาร ดึงเอกชนร่วมซื้อหนี้ประชาชนออกจากระบบธนาคาร โดยประชาชนผ่อนคืนไม่ต้องเต็มจำนวนได้  

วิธีนี้จะทำให้ประชาชนมีชีวิตใหม่ ปลอดเครดิตบูโร เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายมากขึ้นด้วย แม้นี่จะเป็นแค่การเสนอไอเดียเท่านั้น แต่ทางด้านรัฐมนตรีคลังรับลูกเตรียมหารือแบงก์ชาติต่อ พร้อมเสนอไอเดีย แก้ปัญหาที่เคยคิดมาไว้แล้วนั่นคือ  

“Good bank-Bad bank” 

การแบ่งแยกสินทรัพย์ดี (ลูกหนี้ดี) และ สินทรัพย์เสีย (ลูกหนี้เสีย) ออกจากกันอย่างชัดเจน โดยการตั้งหน่วยงานรับโอนหนี้เสีย เพื่อไปบริหารจัดการหนี้แทนธนาคาร

ธนาคารปลอดภาระหนี้เสีย และ ดำเนินธุรกิจต่อ (ปล่อยสินเชื่อ) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เศรษฐกิจเดินหน้าต่อได้

เช่น วิกฤติการเงินสวีเดน  ปี 1991-1993 หลังธนาคารปล่อยกู้เกินตัว โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ หนี้เสียพุ่งสูง ธนาคารใกล้ล้มละลาย 

รัฐบาลแก้ปัญหาด้วยการตั้ง Bad Bank (“Securum” และ “Retriva”) แยกสินทรัพย์เสียออกจากระบบธนาคาร เข้าควบคุมธนาคารที่มีปัญหา ท้ายที่สุดวิธีนี้ส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็ว  

โมเดลนี้พิสูจน์ว่า การจัดการหนี้เสียที่โปร่งใสและรวดเร็ว สามารถช่วยให้เศรษฐกิจพ้นวิกฤติได้อย่างยั่งยืน

ผลดีของการใช้ Bad Bank 

1. ป้องกันวิกฤตเศรษฐกิจไม่ให้ลุกลาม

หากไม่มี Bad Bank ระบบธนาคารอาจล้มเหลว ส่งผลให้ประชาชน ถอนเงินไม่ได้ สินเชื่อถูกตัด และธุรกิจขาดทุนหนัก การมี Bad Bank ทำให้ระบบการเงินยังคงทำงานได้ปกติ

2. ป้องกันการตกงานและกระตุ้นเศรษฐกิจ

เมื่อธนาคารมีเสถียรภาพ สามารถปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจและประชาชนต่อไปได้ ธุรกิจที่มีศักยภาพไม่ต้องปิดตัว ช่วยรักษาการจ้างงานและลดอัตราว่างงาน

3. ลดความเสี่ยงของเงินฝากประชาชน

รัฐบาลมักรับประกันเงินฝากเมื่อใช้ Bad Bank ทำให้ ประชาชนมั่นใจว่าเงินในบัญชีปลอดภัย ไม่ต้องแห่ถอนเงิน (Bank Run) ซึ่งจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจแย่ลง

4. ทำให้ประชาชนกู้เงินได้ง่ายขึ้นอีกครั้ง

เมื่อ Bad Bank แยกหนี้เสียออกไป ธนาคารพาณิชย์สามารถกลับมาปล่อยกู้ได้ปกติ ทำให้ประชาชนที่ต้องการสินเชื่อเพื่อซื้อบ้าน ลงทุน หรือใช้จ่าย สามารถกู้ได้ง่ายขึ้นในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม

5. รัฐบาลอาจได้เงินคืน ลดภาระภาษีประชาชน

Bad Bank ไม่ได้หมายถึงการให้เงินช่วยเหลืออย่างถาวร แต่เป็นการ บริหารหนี้เสียอย่างมีประสิทธิภาพ และขายสินทรัพย์คืนในภายหลัง หากทำสำเร็จ รัฐบาลจะได้เงินคืนและไม่ต้องใช้ภาษีประชาชนอุดหนุนภาคการเงินมากเกินไป

แต่ข้อควรระวัง คือ การบริหารต้องโปร่งใส คำนึงถึงผลกระทบต่องบประมาณ และไม่ส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมทางการเงินที่เสี่ยงมากขึ้น

คุณคิดว่า นโยบาย Good Bank – Bad Bank จะช่วยลดวิกฤตหนี้ครัวเรือนในไทยได้จริงหรือไม่?

ที่มาข้อมูล : TNN Online

ที่มารูปภาพ : Reuters

avatar

ณัฏฐ์อาภา ผ่องทิพาภรณ์
จ๊ะโอ๋