'ตัวหลอกเข็มขัดนิรภัย' เมื่อความรำคาญ ต้องแลกด้วยชีวิต

อย่าหลอกตัวเอง! 'ตัวหลอกเข็มขัดนิรภัย' อาจพาคุณไปสู่โศกนาฏกรรมที่ป้องกันได้

ในยุคที่รถยนต์ถูกออกแบบให้มีมาตรการความปลอดภัยที่ล้ำหน้า หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุคือ “เข็มขัดนิรภัย” อุปกรณ์พื้นฐานที่สามารถช่วยชีวิตผู้โดยสารได้หากเกิดการชน แต่ปรากฏว่ามีผู้ใช้รถจำนวนไม่น้อยกลับพยายาม "โกงระบบ" ด้วยการใช้ “ตัวหลอกเข็มขัดนิรภัย” อุปกรณ์ชิ้นเล็กที่ถูกออกแบบมาให้เสียบแทนเข็มขัดนิรภัยจริง เพื่อปิดเสียงแจ้งเตือนในรถ ทั้งที่ความจริงแล้วการแจ้งเตือนเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาชีวิตของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

'ตัวหลอกเข็มขัดนิรภัย' เมื่อความรำคาญ ต้องแลกด้วยชีวิต

สรุปข่าว

การใช้ “ตัวหลอกเข็มขัดนิรภัย” เพื่อปิดเสียงเตือนกลายเป็นปัญหาใหญ่บนท้องถนน แม้เทคโนโลยีความปลอดภัยของรถยนต์จะพัฒนาไปมาก แต่พฤติกรรมประมาทของผู้ใช้รถกลับเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ภาครัฐยังไม่มีมาตรการแบนผลิตภัณฑ์นี้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า Seatbelt และ Airbag ต้องทำงานร่วมกันเพื่อปกป้องชีวิต

ล่าสุด กรณีอุบัติเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ Honda CR-V รุ่นใหม่ป้ายแดง กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ หลังจากมีการเปิดเผยว่าในรถคันเกิดเหตุนั้นพบ "ตัวหลอกเข็มขัดนิรภัย" เสียบอยู่ นักธุรกิจด้านเทคโนโลยีชื่อ พงศ์พรหม ยามะรัต Pongprom Yamarat  ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มรถยนต์ได้นำภาพอุบัติเหตุดังกล่าวมาโพสต์พร้อมวิเคราะห์ว่าการที่ผู้ขับขี่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินความจำเป็น

“อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าการไม่ใช้เข็มขัดนิรภัยทำให้ความรุนแรงของการบาดเจ็บเพิ่มขึ้นหลายเท่า แม้รถจะมีโครงสร้างแข็งแรง แต่อย่างที่เห็น เลือดที่กระจายอยู่บนถุงลมนิรภัย (Airbag) สะท้อนให้เห็นว่าคนขับอาจกระแทกเข้ากับพวงมาลัยหรือแผงคอนโซลโดยตรง” พงศ์พรหมระบุ

เมื่อ “ความรำคาญ” นำไปสู่ “โศกนาฏกรรม”

ความนิยมในการใช้ตัวหลอกเข็มขัดนิรภัยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือ "ความรำคาญ" ที่เกิดจากเสียงแจ้งเตือนของรถ หลายคนเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย คิดว่าการขับขี่ในเมืองหรือระยะทางสั้นๆ คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น

ข้อมูลจากสถิติอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยพบว่า กว่า 70% ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ ไม่ได้เสียชีวิตเพราะแรงชนที่รุนแรงจนโครงสร้างรถพัง แต่เป็นเพราะไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย ทำให้ร่างกายถูกเหวี่ยงกระแทกกับพวงมาลัย กระจก หรือแม้กระทั่งถูกเหวี่ยงออกจากรถ

อุบัติเหตุลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้วนับไม่ถ้วน หนึ่งในกรณีที่ถูกพูดถึงคือเหตุการณ์ของหญิงสาวรายหนึ่งที่ขับรถ Honda และใช้ตัวหลอกเข็มขัดนิรภัย เธอเสียชีวิตหลังจากรถชนข้างทาง ทั้งที่โครงสร้างรถไม่ได้พังเสียหายมากนัก สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากแรงกระแทกที่รุนแรงซึ่งทำให้ซี่โครงหักและทิ่มทะลุปอด เพราะร่างกายไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวไว้กับเบาะ

Airbag อย่างเดียวช่วยชีวิตไม่ได้ ถ้าไม่มีเข็มขัดนิรภัย

อีกหนึ่งความเข้าใจผิดที่นำไปสู่โศกนาฏกรรมคือ การเชื่อว่า “มีถุงลมนิรภัยแล้ว ไม่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย” ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง เพราะ Airbag และ Seatbelt ทำงานร่วมกัน หากไม่มีเข็มขัดนิรภัย เมื่อเกิดการชน ร่างกายจะพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง ทำให้ Airbag กลายเป็นอันตรายแทนที่จะช่วยชีวิต

นักวิชาการด้านความปลอดภัยทางถนนอธิบายว่า “ถุงลมนิรภัยออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัย หากไม่มีเข็มขัดนิรภัยคอยยึดตัวผู้โดยสารให้อยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย แรงระเบิดของ Airbag อาจทำให้กระดูกคอหัก หรือกระแทกศีรษะอย่างรุนแรงจนเสียชีวิต”



ความล้มเหลว? ทำไมอุปกรณ์อันตรายนี้ยังขายได้

แม้จะมีหลักฐานมากมายที่ชี้ให้เห็นว่า “ตัวหลอกเข็มขัดนิรภัย” เป็นอุปกรณ์ที่อันตรายถึงชีวิต แต่จนถึงปัจจุบันกลับไม่มีมาตรการจากภาครัฐที่จริงจังในการ “แบน” หรือ “ควบคุม” การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ พบว่าในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลายแห่งยังคงมีการขายตัวหลอกเข็มขัดนิรภัยอย่างแพร่หลาย ในราคาตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อย

หลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป มีกฎหมายควบคุมอุปกรณ์ที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่อย่างเข้มงวด แต่ในประเทศไทยกลับยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมายที่จริงจังเกี่ยวกับอุปกรณ์ลักษณะนี้

“ภาครัฐควรออกกฎหมายห้ามจำหน่ายและใช้ตัวหลอกเข็มขัดนิรภัยโดยเด็ดขาด รวมถึงให้มีบทลงโทษที่เข้มงวดต่อผู้ฝ่าฝืน เช่นเดียวกับที่มีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้แค่ ‘หลอกรถ’ แต่มันกำลัง ‘หลอกชีวิต’ ของผู้ขับขี่เอง” 

อย่าปล่อยให้ “ความมักง่าย” พรากชีวิตคุณและคนที่คุณรัก

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าภาครัฐจะดำเนินการอย่างไร ความปลอดภัยของชีวิตก็เป็นสิ่งที่ต้องเริ่มต้นจากตัวเราเอง ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการใช้มาตรการความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่มีอยู่แล้ว

อย่าปล่อยให้ความรำคาญเพียงเล็กน้อยทำให้คุณต้องแลกด้วยชีวิต เพราะเมื่ออุบัติเหตุเกิดขึ้น ไม่มีใครย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้ 🚗💥

ที่มาข้อมูล : TNN เรียบเรียง Pongprom Yamarat

ที่มารูปภาพ : Pongprom Yamarat