
ไทยโดดเด่นระดับโลก การป้องกันโรคไม่ติดต่อที่ได้รับการยอมรับจาก WHO
ประเทศไทยกำลังเป็นที่จับตามองในเวทีสาธารณสุขโลก หลังจากที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ชื่นชมและยกให้ไทยเป็น "ผู้นำระดับโลก" ในการดำเนินมาตรการที่คุ้มค่าและมีประสิทธิผลในการป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อ หรือที่รู้จักในชื่อ "NCDs Best Buys" เป็นการยืนยันความสำเร็จของนโยบายสาธารณสุขไทยที่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม

สรุปข่าว
มาตรการที่ได้รับการยอมรับระดับโลก
"นโยบายบรรจุภัณฑ์ยาสูบแบบเรียบ ภาษียาสูบ การกำจัดไขมันทรานส์ และภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล" เป็นมาตรการสำคัญที่ไทยดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพจนเป็นที่ยอมรับ โดยทั้งหมดนี้ล้วนเป็นมาตรการที่ WHO แนะนำว่าเป็นวิธีการที่คุ้มค่าที่สุดในการป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อ
ความสำเร็จนี้มิได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลจากความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการผลักดันนโยบายสาธารณสุขเชิงป้องกัน โดยเฉพาะการลดการบริโภคอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพและส่งเสริมกิจกรรมทางกาย (ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง) ด้วยความเข้มแข็งในการดำเนินนโยบายนี้ WHO จึงพร้อมสนับสนุนไทยในการเผยแพร่บทเรียนและประสบการณ์สู่เวทีโลก
ความคืบหน้าของนโยบาย "คนไทยห่างไกล NCDs"
ไม่เพียงแค่ได้รับการยอมรับจากเวทีโลก การดำเนินนโยบาย "คนไทยห่างไกล NCDs" ของกระทรวงสาธารณสุขยังสร้างผลลัพธ์ที่น่าประทับใจภายในประเทศ นับตั้งแต่การเปิดตัวโครงการเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมหลายประการ:
- 1. อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) สามารถ "นับคาร์บ" ได้ครบ 100% แล้วจากทั้งหมด 1,078,721 คน
- 2. ประชาชนทั่วไปสามารถ "นับคาร์บ" ได้ถึง 16,740,000 คน หรือ 25.38% ของเป้าหมาย
- 3. มีการจัดตั้งคลินิก NCDs รักษาหายในโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไปครบทั้ง 135 แห่ง (100%)
- 4. โรงพยาบาลชุมชนมีการจัดตั้งคลินิกแล้ว 738 แห่ง (97.75%)
- 5. ศูนย์ป้องกันโรคไม่ติดต่อในชุมชนได้รับการจัดตั้งแล้ว 878 แห่ง (100%) ในทุกอำเภอ
- 6. ศูนย์คนไทยห่างไกล NCDs ได้รับการจัดตั้งแล้ว 3,287 ตำบล (45.30%)
(ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย) ในขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขยังมีเป้าหมายที่ท้าทายในการขยายผลต่อไป โดยตั้งเป้าให้ประชาชนสามารถนับคาร์บได้ 20 ล้านคนภายในวันที่ 20 มีนาคม 2568 และต้องเพิ่มเป็น 50 ล้านคนภายในปีงบประมาณ 2568
ผลลัพธ์ที่จับต้องได้จากการให้บริการคลินิก NCDs
นอกจากการสร้างความตระหนักรู้แล้ว นโยบายนี้ยังสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในด้านการรักษา จากข้อมูลการให้บริการของคลินิก NCDs รักษาหาย พบว่า
- 1. มีผู้เข้ารับบริการทั้งสิ้น 45,102 คน
- 2. ผู้มารับบริการ 5,638 คน (12.5%) สามารถเข้าสู่ระยะสงบของโรค (Remission)
- 3. ผู้มารับบริการ 8,980 คน (19.9%) สามารถควบคุมโรคและหยุดการใช้ยาได้
- 4. สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพได้ถึง 43.4 ล้านบาทต่อปี
(ตัวเลขเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงผลลัพธ์ทางคลินิก แต่ยังสะท้อนถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพอีกด้วย)
การขับเคลื่อนสู่เป้าหมายปี 2573
ความสำเร็จในปัจจุบันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่ยาวนาน รัฐบาลไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดันนโยบายและมาตรการต่างๆ เพื่อเร่งรัดการป้องกันและควบคุมโรค NCDs ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการว่าด้วยการป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อขององค์การอนามัยโลกที่จะบรรลุผลภายในปี 2573
การที่ WHO ให้การสนับสนุนประเทศไทยในการเผยแพร่บทเรียนและประสบการณ์ในเวทีระดับโลก ยังเป็นการยกระดับบทบาทของไทยในฐานะผู้นำด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เปิดโอกาสให้ไทยได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีกับนานาประเทศ
ในระยะยาว ความสำเร็จของนโยบายนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ห่างไกลจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง แต่ยังเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประเทศอื่นๆ ในการพัฒนานโยบายสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับโลกต่อไป
ที่มาข้อมูล : องค์การอนามัยโลก
ที่มารูปภาพ : Freepik