
รัฐบาลประกาศแจกเงิน 10,000 บาทผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 หรือที่เรียกว่า "เงินหมื่น เฟสวัยรุ่น" โดยมุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มอายุ 16-20 ปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มกำลังซื้อ แต่เมื่อพิจารณาเงื่อนไขการใช้จ่าย กลับมีหลายประเด็นที่น่าสงสัยว่า "เงินก้อนนี้ช่วยใครจริง ๆ กันแน่?"

สรุปข่าว
แจกเงิน แต่ใช้จ่ายอย่างไร?
แนวคิดของโครงการนี้คือการให้วัยรุ่นสามารถใช้เงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ตได้ในพื้นที่ที่กำหนดและกับร้านค้าที่เข้าร่วม แต่ ไม่สามารถใช้จ่ายค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟ หรือค่าบริการอื่น ๆ ได้ เพราะถือว่าเป็น "ค่าบริการ" ไม่ใช่ "สินค้า" ซึ่งข้อนี้ทำให้หลายคนเกิดคำถามว่า แทนที่จะช่วยบรรเทาภาระครัวเรือน ทำไมเงินก้อนนี้จึงจำกัดให้ใช้เฉพาะกับสินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้น?
เป้าหมายเศรษฐกิจ หรือแค่หมุนเงินเข้าตลาด?
รัฐบาลให้เหตุผลว่า เงินก้อนนี้ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แต่การจำกัดการใช้จ่ายอาจทำให้เงินถูกใช้ไปในสินค้าและบริการที่ไม่จำเป็นมากกว่าการช่วยบรรเทาค่าครองชีพจริง ๆ
ลองมองจากมุมของวัยรุ่น 16-20 ปี หลายคนต้องช่วยพ่อแม่จ่ายค่าเทอม ค่าหอพัก หรือแม้แต่ค่าน้ำ ค่าไฟของครอบครัว การไม่อนุญาตให้นำเงินไปใช้ในส่วนนี้ หมายความว่าโครงการไม่ได้ช่วยลดภาระทางการเงินของครัวเรือนอย่างแท้จริง แต่กลับเป็นการส่งเสริมให้เกิดการจับจ่ายซื้อของในภาคธุรกิจแทน
วัยรุ่นต้องการอะไรจริง ๆ ?
เงินหมื่นอาจดูเหมือนเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับวัยรุ่น แต่คำถามคือ วัยรุ่นต้องการเงินนี้เพื่ออะไร?
- เพื่อการศึกษา - นักเรียน นักศึกษา ต้องการเงินช่วยค่าเทอม ค่าอุปกรณ์การเรียน หรือแม้แต่ค่าเดินทางไปเรียน
- เพื่อช่วยเหลือครอบครัว - หลายครอบครัวประสบปัญหาค่าครองชีพ เงินหมื่นอาจช่วยแบ่งเบาภาระได้มากหากสามารถใช้จ่ายกับสิ่งจำเป็น
- เพื่ออิสรภาพทางการเงิน - หากวัยรุ่นสามารถตัดสินใจใช้เงินได้เองในสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตจริง ๆ นโยบายนี้จะมีประโยชน์มากกว่า
แต่เมื่อดูเงื่อนไขปัจจุบัน กลับกลายเป็นว่า เงินนี้ถูกจำกัดให้ใช้ในทางที่รัฐต้องการ มากกว่าการเปิดโอกาสให้วัยรุ่นเลือกใช้เองตามความจำเป็นของแต่ละคน
ผลกระทบในระยะยาว ดีหรือไม่?
หากมองในระยะสั้น โครงการนี้อาจช่วยให้ธุรกิจท้องถิ่นได้รับอานิสงส์จากการจับจ่ายใช้สอยของวัยรุ่น แต่ในระยะยาว หากเงินไม่สามารถนำไปใช้ในสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ เช่น การศึกษา หรือการดำรงชีวิต นโยบายนี้อาจกลายเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวที่ไม่ได้ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง
(ควรปรับเงื่อนไขให้เงินหมื่นมีประโยชน์มากขึ้น?)
หากรัฐบาลต้องการให้โครงการนี้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรพิจารณาเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้จ่าย โดยเฉพาะกับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและการดำรงชีวิตพื้นฐาน เพื่อให้เงินหมื่นนี้ เป็นโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ไม่ใช่แค่เครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจชั่วคราว
ที่มาข้อมูล : TNN เรียบเรียง
ที่มารูปภาพ : Freepik