
จากการสำรวจของสวนดุสิตโพลที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 11-14 มีนาคม 2568 พบว่า ปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้าที่สูงขึ้นยังคงเป็นความกังวลอันดับหนึ่งของประชาชน โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามถึง 72.55% ระบุว่าเป็นปัญหาที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไขมากที่สุด รองลงมาคือปัญหาหนี้สินและรายได้ที่ไม่เพียงพอ (68.80%) ซึ่งเป็นผลจากการที่ค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่ง (31.20%) ยังมองว่ารัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญคือ ความคาดหวังที่ไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลใหม่ โดย 43.75% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า รัฐบาลใหม่ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจากรัฐบาลก่อนหน้า และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ ขณะเดียวกัน ประชาชนยังคงไม่ได้รับประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมจากการดำเนินการเหล่านี้

สรุปข่าว
ปัญหาสำคัญที่ถูกเน้นในผลสำรวจคือ ปัญหาค่าครองชีพที่ยังคงสูงขึ้น ทำให้ประชาชนต้องเผชิญกับภาวะความยากลำบากทางเศรษฐกิจ และความรู้สึกว่ารัฐบาลยังไม่สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การแจกเงิน 10,000 บาท แต่ประชาชนมองว่าเป็นการช่วยเหลือที่ระยะสั้นและไม่ได้แก้ปัญหาปากท้องได้ในระยะยาว
นอกจากนี้ ความกังวลเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ผู้คนยังคงพบเห็นได้มากขึ้น แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในบางตัวเลข เช่น GDP หรือดัชนีตลาดหุ้น แต่การฟื้นตัวดังกล่าวยังไม่สะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริง ซึ่งยังคงซบเซา และทำให้ประชาชนยังรู้สึกว่าไม่เห็นการพัฒนาอย่างที่คาดหวัง
จากผลสำรวจนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชนยังคงไม่ดีขึ้น และรัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ประชาชนยังกังวลเกี่ยวกับความโปร่งใสในการบริหารงานและความน่าเชื่อถือของรัฐบาลใหม่
ที่มาข้อมูล : สวนดุสิตโพล
ที่มารูปภาพ : TNN