คอลเซ็นเตอร์ปอยเปต เมื่อ "คนไทย" ร่วมวงหลอกลวง "คนไทย"?

"คนไทย" กับเงื้อมมือมืดแห่งปอยเปต เมื่อเพื่อนร่วมชาติกลายเป็นผู้ร่วมขบวนการหลอกลวง

ปฏิบัติการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ปอยเปตเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 ไม่เพียงเผยให้เห็นความสำเร็จของความร่วมมือระหว่างไทยและกัมพูชา แต่ยังเปิดเผยความจริงอันน่าสะเทือนใจว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการหลอกลวงเพื่อนร่วมชาติ จากจำนวนผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 227 คน มีคนไทยถึง 125 คน ซึ่งหลายคนมิได้เป็นเพียงเหยื่อ แต่ได้กลายเป็นผู้ร่วมขบวนการโดยสมัครใจ

เบื้องหลังความสำเร็จของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ปอยเปต คือการใช้ประโยชน์จากความเข้าใจในวัฒนธรรมและพฤติกรรมของคนไทย ผ่านการใช้คนไทยด้วยกันเองเป็นผู้ชักชวน ดังเช่นกรณีของสาววัย 22 ปี ที่ถูกคนในพื้นที่เดียวกันหลอกล่อด้วยข้อเสนองานเงินเดือนสูงถึง 28,000 บาท แต่เมื่อเดินทางมาถึงกลับพบว่าความจริงเป็นอีกอย่าง

ภายในอาคารสูง 4 ชั้นที่ปอยเปต เหยื่อถูกบังคับให้ทำงานวันละกว่า 12 ชั่วโมง ภายใต้การควบคุมของนายทุนชาวจีน ด้วยวิธีการข่มขู่และใช้ความรุนแรง หลายคนถูกบังคับให้เลือกระหว่างการเป็นผู้ร่วมขบวนการหรือถูกส่งขายต่อ นี่คือกลไกที่ทำให้เหยื่อจำนวนมากกลายเป็นผู้กระทำผิดโดยไม่มีทางเลือก

อาคารที่ถูกบุกทลายตั้งอยู่ในบริเวณ Compound Plaza ซึ่งเป็นของผู้มีอิทธิพลในจังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยมีชาวจีนเช่าเพื่อดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้งการพนันออนไลน์และการหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ สะท้อนให้เห็นถึงเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่มีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ


คอลเซ็นเตอร์ปอยเปต เมื่อ "คนไทย" ร่วมวงหลอกลวง "คนไทย"?

สรุปข่าว

ตำรวจไทย-กัมพูชาร่วมทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ปอยเปต จับกุมผู้ต้องสงสัย 227 คน เป็นคนไทย 125 คน พบการใช้คนไทยเป็นผู้ชักชวนเหยื่อด้วยข้อเสนองานเงินเดือนสูง ก่อนบังคับให้ร่วมขบวนการผิดกฎหมาย นำไปสู่การจัดตั้งศูนย์ประสานงานร่วมระหว่างสองประเทศเพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

ความร่วมมือระหว่างไทยและกัมพูชาในครั้งนี้เริ่มต้นจากการที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปประสานงานกับตำรวจกัมพูชา นำไปสู่การวางแผนปฏิบัติการร่วมกันใน 3 ด้าน คือ ารปราบปรามอย่างต่อเนื่อง การช่วยเหลือผู้ตกเป็นเหยื่อ และการจัดตั้งศูนย์ประสานงานร่วม

หลังการจับกุม ผู้ต้องสงสัยชาวไทยทั้งหมดถูกส่งกลับผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก จังหวัดสระแก้ว เพื่อคัดแยกระหว่างผู้ตกเป็นเหยื่อและผู้ร่วมขบวนการ ซึ่งจะนำไปสู่การให้ความช่วยเหลือและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนจำเป็นต้องมองลึกลงไปถึงรากเหง้าของปัญหา ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม เพราะตราบใดที่ยังมีความเหลื่อมล้ำและความยากจน โอกาสที่คนไทยจะถูกหลอกลวงหรือยอมเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการผิดกฎหมายก็ยังคงมีอยู่ การจัดตั้งศูนย์ประสานงานร่วมระหว่างไทยและกัมพูชาอาจเป็นก้าวสำคัญในการป้องกันและปราบปราม แต่การพัฒนาคุณภาพชีวิตและการสร้างความตระหนักรู้ในสังคมก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

ปรากฏการณ์ "คนไทยหลอกคนไทย" ที่ปอยเปตจึงไม่ใช่เพียงปัญหาอาชญากรรมธรรมดา แต่เป็นภาพสะท้อนของปัญหาสังคมที่ซับซ้อนและท้าทาย ที่ไม่เพียงแต่การบังคับใช้กฎหมายเท่านั้น แต่ต้องสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมและการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง เพื่อไม่ให้ความยากจนผลักดันให้คนต้องเสี่ยงกับ "งานอันตราย" อีกต่อไป

avatar

ยศไกรรัตนบรรเทิง
()