จับตา 'หม่อง ชิตตู่' อัยการสั่งเร่งหาหลักฐาน นัดชี้ชะตา 17 ก.พ.

ความคืบหน้าคดีค้ามนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาร์ ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เดินทางไปสอบปากคำเจ้าหน้าที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพิ่มเติม เพื่อรวบรวมหลักฐานในการออกหมายจับ "พันเอกหม่อง ชิตตู่" ผู้นำกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNA)

คดีนี้เริ่มต้นเมื่อปี 2565 หลังเจ้าหน้าที่ไทยช่วยเหลือชาวอินเดีย 7 ราย ที่ถูกหลอกให้เข้ามาทำงานในประเทศไทย ก่อนถูกส่งตัวไปบ่อนเฮงเชง เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาร์ และถูกบังคับให้ทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีรูปแบบการหลอกลวงคล้ายกับกรณีของ "ซิง ซิง" นักแสดงชาวจีน

จับตา 'หม่อง ชิตตู่' อัยการสั่งเร่งหาหลักฐาน นัดชี้ชะตา 17 ก.พ.

สรุปข่าว

คดีหมายจับ "หม่อง ชิตตู่" อัยการให้ดีเอสไอหาหลักฐานเพิ่ม-นัดถก 17 ก.พ.

จากการสืบสวน นอกจาก "หม่อง ชิตตู่" แล้ว ยังมีผู้ต้องสงสัยอีก 2 ราย คือ "พันโท โมเต โธน" และ "พันตรี ทิน วิน" รวมถึงชาวไทย 2 ราย ที่มีบทบาทเป็นกรรมการและพนักงานบริษัทให้บริการรีสอร์ตทั้งในไทยและเมียวดี ซึ่งเชื่อมโยงกับขบวนการนำคนไปทำงานให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์

"หม่อง ชิตตู่" มีประวัติเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เมียวดี เคยเป็นหัวหน้ากองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (DKBA) และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกองทัพเมียนมาร์ แม้ในเดือนมกราคม 2567 จะประกาศตัดความสัมพันธ์ แต่กลับมาช่วยกองทัพเมียนมาร์อีกครั้งในเดือนเมษายนปีเดียวกัน

กองกำลังของเขามีบทบาทสำคัญในการดูแลพื้นที่เมียวดี ซึ่งเป็นแหล่งรวมของกลุ่มนายทุนจีนเทาและบ่อนกาสิโน โดยร่วมมือกับ "เสอจื้อเจียง" เจ้าพ่อจีนเทา สร้างเมืองชเวโก๊กโก่และ KKPark ศูนย์กลางของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ในการหารือระหว่างดีเอสไอกับพนักงานอัยการเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พนักงานอัยการเห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะให้ศาลออกหมายจับ จึงแนะนำให้ดีเอสไอสอบสวนเพิ่มเติมให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยนัดหารือกันอีกครั้งในวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้

หากมีการออกหมายจับได้ ทางการไทยจะต้องประสานกับตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) เพื่อติดตามตัวผู้ต้องหาและดำเนินการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศและมีหลายขั้นตอนที่ซับซ้อน ทั้งการออกหมายแดง การจับกุม และการส่งตัวข้ามแดนตามกระบวนการยุติธรรม

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : TNN