บัลลังก์ AI สหรัฐฯ กำลังสั่นสะเทือน หลัง DeepSeek จีนมาแรง

การเข้ามาของ ChatGPT ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า นวัตกรรมชิ้นนี้ จะสร้างปัญหาให้กับจีน ซึ่งเป็นคู่แข่งรายใหญ่ของสหรัฐฯ หรือไม่ ? 


2 ปีต่อมา เครื่องมือ AI โมเดลใหม่จากจีน ชื่อว่า ‘DeepSeek’ ก็ได้แปรเปลี่ยนคำถามก่อนหน้านี้ว่า “ ChatGPT จะสร้างปัญหาต่อจีนหรือไม่ ?” ให้กลายเป็น “สหรัฐฯ จะสามารถหยุดยั้งการพัฒนานวัตกรรมของจีนได้หรือไม่ ?”


---สงครามชิป สหรัฐฯ VS จีน---


กว่าที่จีนจะสามารถผลิตเครื่องมือ AI ที่สามารถท้าชนกับ ChatGPT ได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจีนต้องเผชิญกับความท้าทายจากการที่สหรัฐฯ พยายามกีดกันจีนออกจากสนามอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ จากข้อตกลง CHIPS and Science Act ด้วยการห้ามบริษัทสหรัฐฯ และพันธมิตรส่งออกชิปขั้นสูงไปยังแดนมังกร ซึ่งชิปประเภทนี้ เป็นชิ้นส่วนสำคัญในการพัฒนาโมเดล AI  


การกระทำดังกล่าว ส่งผลให้อุตสาหกรรม AI ของจีน ได้รับผลกระทบไปเช่นกัน 


บริษัทเทคฯ หลายแห่งในจีนพยายามพัฒนาเทคโนโลยี AI ด้วยข้อจำกัดที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น Ernie แชทบอต AI จาก Baidu หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยแชตบอตจาก Tencent และ ByteDance แต่ก็ไม่มีตัวไหนที่สู้ ChatGPT ได้เลย 


ช่วงเวลานั้น สหรัฐฯ ค่อนข้างมั่นใจว่า ตนกำลังนำหน้าในเรื่องนี้ และต้องการให้มันยังคงเป็นเช่นนั้นตลอดไป รัฐบาลไบเดนจึงได้เพิ่มข้อจำกัดห้ามการส่งออกชิปขั้นสูง และเทคโนโลยีไปยังจีน


แต่เมื่อ DeepSeek ประสบความสำเร็จ นั่นทำให้คนทั้งโลก รวมถึงซิลิคอนวัลเลย์ ต่างประหลาดใจว่า บริษัทสตาร์ทอัปจากจีนหลายนี้ สามารถโมเดล AI ที่ทรงพลังขนาดนี้ โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่าบริษัทสหรัฐฯ หลายแห่งไปได้อย่างไร 

บัลลังก์ AI สหรัฐฯ กำลังสั่นสะเทือน หลัง DeepSeek จีนมาแรง

สรุปข่าว

---บีบจีนพึ่งพาตนเอง---


ชิปขั้นสูงตัวจิ๋ว ๆ นี้  มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนา AI ที่ช่วยให้มนุษย์ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตั้งแต่การตอบคำถามง่าย ๆ ไปจนถึงการแก้ปัญหาโจทย์คณิตศาสตร์อันซับซ้อน และแน่นอนว่า การได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำเทคโนโลยี AI เปรียบเสมือนเป็นผู้กุมบังเหียนทิศทางโลกกลาย ๆ 


ผู้เชี่ยวชาญ เชื่อว่า การที่สหรัฐฯ กีดกันจีนเช่นนี้ นำมาทั้งความท้าทาย และเปิดโอกาส บีบให้จีนจำเป็นต้องพัฒนา ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และพึ่งพาตนเองให้มากขึ้น 


ข้อมูลจาก MIT Technology Review ระบุว่า ก่อนที่จะมีการห้ามส่งออกชิปให้แก่จีน บริษัท DeepSeek ได้สั่งซื้อชิป NVdia A100 เป็นจำนวนมาก คาดว่า DeepSeek มีชิปรุ่นนี้ ประมาณ 10,000-50,000 ชิ้น 


บริษัท AI ชั้นนำจากสหรัฐฯ ใช้ชิปขั้นสูงประมาณ 16,000 ชิ้นในการฝึกฝน AI แต่บริษัท DeepSeek เผยว่า พวกเขาใช้ชิปเพียง 2,000 ชิ้น ควบคู่ไปกับชิปที่มีคุณภาพเกรดต่ำลงมาในการพัฒนา AI ซึ่งสิ่งนี้ช่วยให้ลดต้นทุนการสร้างโมเดล AI ได้ 


“มันเป็นการบีบบังคับให้บริษัทจีนหลายแห่ง อย่าง DeepSeek สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพื่อให้พวกเขาทำอะไรได้มากขึ้น โดยใช้เวลาที่น้อยลง”  มารินา จาง ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีซิดนีย์ กล่าว 


อย่างไรก็ตาม บริษัทเทคฯ หลายแห่งในสหรัฐฯ รวมถึงมหาเศรษฐีอย่าง อีลอน มัสก์ ก็ออกมาตั้งคำถามถึงคำกล่าวอ้างของ DeepSeek โดยชี้ให้เห็นว่า บริษัทอ้างว่าไม่สามารถเปิดเผยจำนวนชิปขั้นสูงที่ใช้กับผลิตโมเดล AI ได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดบางประการ

---ฮีโร่ “AI” คนใหม่แห่งประเทศจีน---


ความสำเร็จของ DeepSeek ส่งผลให้ “เหลียง เหวินเฟิง” วัย 40 ปี ผู้ก่อตั้ง DeepSeek ได้รับการยกย่องให้เป็น “ฮีโร่ AI” คนใหม่ประเทศจีน โดยทีมของเขาส่วนใหญ่เป็นวิศวกรุ่นใหม่ จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน ซึ่ง ณ ตอนนี้ พวกเขามุ่งให้ความสำคัญไปที่การวิจัยในระยะยาว มากกว่าการผลกำไรแบบรวดเร็ว 


มหาวิทยาลัยชั้นนำของจีนตอนนี้ กำลังผลิตแหล่งรวมผู้มีความสามารถด้าน AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งแม้แต่ผู้จัดการก็ยังมีอายุต่ำกว่า 35 ปี


“เนื่องจากเติบโตขึ้นมาในช่วงที่เทคโนโลยีจีนก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว พวกเขาจึงมีแรงบันดาลใจมาก จากการขับเคลื่อนในการพึ่งพาตนเองด้านนวัตกรรม" จาง กล่าว 


---ความท้าทายในอนาคต---


แม้ว่าความสามารถของ DeepSeek จะทำให้ทั่วโลก โดยเฉพาะบริษัทเทคฯในจีนเกิดความตะลึง แต่มีผู้เชี่ยวชาญ ก็ตั้งคำถามว่า “DeepSeek จะพัฒนาไปได้ไกลมากแค่ไหน ภายใต้ข้อจำของสหรัฐฯ” 


จาง กล่าวว่า ข้อจำกัดใหม่ของสหรัฐฯ อาจจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน ซึ่งนั่นจะทำให้กระทบกับการแพร่หลายของ DeepSeek ไปยังทั่วโลกได้ 


นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญคนอื่น กล่าวว่า สหรัฐฯ ยังคงมีข้อได้เปรียบอย่างมากในด้านนี้ ทั้งการมีทรัพยากรคอมพิวเตอร์จำนวนมหาศาล และความไม่แน่ชัดถึงจำนวนชิปขั้นสูงที่ทาง DeepSeek ใช้ว่ามีจำนวนเท่าไหร่กันแน่ 


แต่ถึงกระนั้น สิ่งนี้ก็กลายเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้จีนเดินขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งของสนามการแข่งขัน AI ระดับโลก 


เรียบเรียง: พรวษา ภักตร์ดวงจันทร์

แหล่งข้อมูลอ้างอิง: 

https://www.bbc.com/news/articles/czepw096wy4o

https://www.reuters.com/technology/artificial-intelligence/what-is-deepseek-why-is-it-disrupting-ai-sector-2025-01-27/

ที่มาข้อมูล : BBC, Reuters

ที่มารูปภาพ : Getty Images