ทำไมการเซ็น FTA ไทย-EFTA จึงเป็นจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์การค้าไทย

ทำไมการเซ็น FTA ไทย-EFTA จึงเป็นจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์การค้าไทย

การลงนามความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) ในเดือนมกราคม 2568 มิใช่เพียงการเซ็นสัญญาทางการค้าธรรมดา แต่เป็น "จุดเปลี่ยนเชิงยุทธศาสตร์" ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ความสำเร็จครั้งนี้มาจากความพยายามต่อเนื่องกว่า 20 ปีของไทยในการสร้างความสัมพันธ์ทางการค้ากับยุโรป

"มิติแห่งความสำเร็จทางการทูตการค้า" ของข้อตกลงนี้สะท้อนผ่านการที่ EFTA เป็นกลุ่มประเทศที่มีมาตรฐานสูงในหลายด้าน ทั้ง (สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์) ซึ่งเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม การบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มประเทศเหล่านี้จึงเป็นการยืนยัน "ศักยภาพและความน่าเชื่อถือ" ของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก

"ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ" ที่จะเกิดขึ้นมีความชัดเจนและวัดผลได้ ในปี 2567 (มูลค่าการค้าระหว่างไทย-EFTA อยู่ที่ 11,788.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 19.22%) โดยการลดภาษีศุลกากรภายใต้ FTA จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลแปรรูป และสินค้าอุตสาหกรรม

"การยกระดับมาตรฐาน" เป็นอีกหนึ่งผลลัพธ์สำคัญ เนื่องจาก FTA ฉบับนี้ครอบคลุมประเด็นที่กว้างกว่าการค้าทั่วไป รวมถึงการพัฒนาที่ยั่งยืน มาตรฐานแรงงาน การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และการพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยยกระดับภาคการผลิตและบริการของไทยสู่มาตรฐานสากล

"ประตูสู่สหภาพยุโรป" นับเป็นนัยสำคัญอีกประการหนึ่ง เพราะความสำเร็จในการเจรจากับ EFTA จะเป็นบทเรียนและต้นแบบสำหรับการเจรจา FTA กับสหภาพยุโรป (EU) ที่มีขนาดตลาดใหญ่กว่าและมีมูลค่าการค้าสูงกว่ามาก การที่รัฐบาลตั้งเป้าปิดดีล FTA กับ EU ภายในปี 2568 จึงมีความเป็นไปได้มากขึ้น

"การดึงดูดการลงทุน" เป็นผลพลอยได้ที่สำคัญ โดยในปี 2567 (การลงทุนจากต่างประเทศในไทยทะลุ 1 ล้านล้านบาท) และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2568 โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ เช่น (AI Data Center และพลังงานสะอาด) ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศในกลุ่ม EFTA

"การแข่งขันในภูมิภาค" เป็นอีกมิติที่ต้องพิจารณา เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามที่มี FTA หลายฉบับแล้ว การที่ไทยสามารถบรรลุข้อตกลงกับ EFTA จึงเป็นการสร้าง "แต้มต่อทางการแข่งขัน" และรักษาความน่าสนใจของไทยในฐานะฐานการผลิตและการลงทุนในภูมิภาค

"การเตรียมความพร้อมสู่อนาคต" เป็นนัยสำคัญประการสุดท้าย FTA ไทย-EFTA ไม่เพียงเป็นการเปิดโอกาสทางการค้าในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว

จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ครั้งนี้จึงเป็นมากกว่าความสำเร็จทางการค้า แต่เป็นการวางรากฐานสำคัญสู่การเป็น "ศูนย์กลางเศรษฐกิจ" ในภูมิภาค ด้วยการยกระดับมาตรฐาน พัฒนาทักษะแรงงาน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั่วโลก นี่คือก้าวสำคัญที่จะนำพาประเทศไทยสู่ "ยุคทองทางการค้า" อย่างแท้จริง

ทำไมการเซ็น FTA ไทย-EFTA จึงเป็นจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์การค้าไทย

สรุปข่าว

FTA ไทย-EFTA ในปี 2568 ถือเป็นจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์การค้าไทย สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจถึง 19.22% มูลค่าการค้ารวมกว่า 11,788 ล้านดอลลาร์ เปิดประตูสู่ตลาดยุโรป ดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมอนาคต และวางรากฐานสู่ความยั่งยืนในเวทีโลก