ก้าวใหม่ของเศรษฐกิจไทย FTA ไทย-EFTA จุดเริ่มต้นสู่เวทีการค้าโลก
- นาทีประวัติศาสตร์การค้าไทย -
วันที่ 26 มกราคม 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย เมื่อประเทศไทยและสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ร่วมกัน ณ การประชุม World Economic Forum เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ แต่ยังเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ ให้เศรษฐกิจไทยเติบโตในระดับโลก
- FTA ไทย-EFTA คืออะไร? -
ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างประเทศไทยและสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) เป็นความตกลงที่ช่วยลดหรือยกเลิกอุปสรรคทางการค้าระหว่างไทยกับ 4 ประเทศสมาชิก EFTA ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ ความตกลงนี้ครอบคลุมหลายด้าน เช่น การลดภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าส่งออก การเปิดเสรีการค้าบริการ การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และการพัฒนาที่ยั่งยืน นับเป็นความตกลงการค้าเสรีฉบับแรกของไทยกับกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูงและมีศักยภาพในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ข้อตกลงดังกล่าวเปิดโอกาสให้สินค้าไทย เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลแปรรูป และเครื่องจักร สามารถแข่งขันในตลาด EFTA ได้ด้วยต้นทุนที่ลดลงจากการยกเลิกภาษีนำเข้า นอกจากนี้ ยังช่วยดึงดูดการลงทุนจากประเทศในกลุ่ม EFTA สู่ประเทศไทย และสนับสนุนการยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการของไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งจะส่งเสริมศักยภาพการค้าของไทยในเวทีโลกและลดการพึ่งพาตลาดส่งออกเดิมอย่างยั่งยืน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การเจรจาความตกลงนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2548 และต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายประการ จนกระทั่งการเจรจากลับมาเดินหน้าอีกครั้งในปี 2565 และในที่สุดก็สามารถบรรลุผลสำเร็จ การลงนามครั้งนี้นับเป็น FTA ฉบับแรกของไทยกับกลุ่มประเทศยุโรป และจะกลายเป็นต้นแบบสำหรับการเจรจาข้อตกลงการค้าฉบับอื่น ๆ ในอนาคต
- ประเด็นที่ 1 ผลสำเร็จที่ยกระดับเศรษฐกิจไทย -
ความสำเร็จของ FTA ไทย-เอฟตา ช่วยเสริมสร้างศักยภาพการค้าระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศสมาชิกเอฟตา ซึ่งประกอบด้วย สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ ประเทศเหล่านี้มีความโดดเด่นในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงมีกำลังซื้อสูง ทำให้ไทยมีโอกาสในการขยายตลาดส่งออกและเพิ่มมูลค่าการค้า
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ในปี 2567 การค้าระหว่างไทยและเอฟตามีมูลค่ารวมกว่า 11,788 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.94% ของการค้ารวมของไทยกับโลก โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปเอฟตาอยู่ที่ 4,225 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวถึง 19.22% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลแปรรูป เครื่องจักร และเครื่องสำอาง
การลงนามครั้งนี้ยังมีเป้าหมายในการลดภาษีศุลกากรและขจัดอุปสรรคทางการค้าต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันในตลาดยุโรปได้มากขึ้น พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนจากประเทศสมาชิกเอฟตาที่ต้องการเข้ามาขยายธุรกิจในไทย
- ประเด็นที่ 2 ปรับตัวเพื่ออนาคตของเศรษฐกิจไทย -
FTA ไทย-เอฟตา ไม่เพียงแค่สร้างโอกาสทางการค้า แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยปรับตัวสู่มาตรฐานสากล ความตกลงฉบับนี้ครอบคลุมหลายด้าน เช่น การค้า การลงทุน การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการของไทยให้เทียบเท่าระดับโลก
อุตสาหกรรมใหม่ เช่น ศูนย์ข้อมูล (Data Center) เทคโนโลยี AI และอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป กำลังกลายเป็นจุดเด่นของไทยในเวทีโลก นอกจากนี้ การยกเลิกกำแพงภาษีสำหรับสินค้าอุตสาหกรรมและอาหารทะเล ยังช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดที่มีกำลังซื้อสูงอย่างยุโรป
- ประเด็นที่ 3 ความท้าทายและโอกาสในเวทีการค้าโลก -
แม้การลงนาม FTA ไทย-เอฟตาจะเป็นความสำเร็จที่น่าชื่นชม แต่ไทยยังต้องเร่งดำเนินการเจรจา FTA ฉบับอื่น ๆ เช่น ไทย-สหภาพยุโรป (EU) เพื่อขยายโอกาสทางการค้าให้กว้างขวางยิ่งขึ้น การเจรจากับ EU มีความซับซ้อนกว่าการเจรจากับเอฟตา เนื่องจากมีสมาชิกถึง 27 ประเทศ แต่รัฐบาลตั้งเป้าให้ข้อตกลงดังกล่าวเสร็จสิ้นภายในปี 2568
นายพิชัย ระบุว่า ไทยต้องเร่งเพิ่มจำนวน FTA ให้มากขึ้น เพื่อลดความเสียเปรียบในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ซึ่งมี FTA กับประเทศต่าง ๆ มากกว่าไทย การเพิ่มข้อตกลงการค้าเสรีจะช่วยสร้างแต้มต่อให้ไทยสามารถรักษาและขยายตลาดการส่งออกได้ในระยะยาว
- ก้าวสำคัญสู่ความเป็นผู้นำด้านการค้า -
การลงนาม FTA ไทย-เอฟตา ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจไทยกลับมาอยู่ในแผนที่การค้าระดับโลกอีกครั้ง ความตกลงฉบับนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุน แต่ยังสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและนักลงทุนว่าประเทศไทยพร้อมเดินหน้าสู่ยุคใหม่ของเศรษฐกิจโลก
หากรัฐบาลสามารถดำเนินการตามแผนเจรจา FTA ฉบับใหม่ ๆ ได้สำเร็จ ไทยจะสามารถสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน เพิ่มความหลากหลายในตลาดส่งออก และสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคตของประเทศ บนเวทีการค้าโลก ไทยกำลังกลับมาเป็นผู้เล่นสำคัญที่ทุกคนต้องจับตามอง
สรุปข่าว
ที่มาข้อมูล : เรียบเรียง : ยศไกร รัตนบรรเทิง บรรณาธิการ TNN
ที่มารูปภาพ : รัฐบาลไทย