
เจนเซ่น หวง (Jensen Huang) ซีอีโอของ Nvidia เปิดเผยว่าปัญญาประดิษฐ์ AI รุ่นถัดไปจะต้องใช้พลังการคำนวณเพิ่มขึ้นถึง 100 เท่า เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI รุ่นก่อน เนื่องจากการพัฒนาแนวทางใหม่ในการใช้เหตุผลเชิงตรรกะ ซึ่งเน้นการตอบคำถามทีละขั้นตอนอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเขาให้สัมภาษณ์กับ จอน ฟอร์ตต์ (Jon Fortt) แห่ง CNBC หลังจาก Nvidia รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ซึ่งชี้ให้เห็นถึง การเติบโตของยอดขายถึง 78% จากปีก่อนหน้า โดยรายได้จากศูนย์ข้อมูลพุ่งขึ้น 93%
ตัวอย่างโมเดลปัญญาประดิษฐ์ AI อย่าง R1 ของ DeepSeek, GPT-4 ของ OpenAI และ Grok 3 ของ xAI กำลังนำแนวคิดการใช้เหตุผลเชิงตรรกะเข้ามาใช้มากขึ้น ซึ่งต้องการพลังประมวลผลที่สูงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ
“ปริมาณการคำนวณที่จำเป็นสำหรับการให้เหตุผลเชิงตรรกะเพิ่มขึ้น 100 เท่า จากเดิม” เจนเซ่น หวง (Jensen Huang) กล่าวเพิ่มเติม

สรุปข่าว
ซีอีโอ Nvidia เผย AI รุ่นถัดไปต้องใช้พลังประมวลผลเพิ่มขึ้น 100 เท่า เมื่อเทียบกับยุคเปิดตัว ChatGPT DeepSeek ช่วยให้ โมเดลการใช้เหตุผลกลายเป็นที่นิยมมากขึ้น ซึ่งจะต้องการชิปประมวลผลที่มากขึ้นตามไปด้วย
การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากบริษัท อินวิเดีย (Nvidia) รายงานผลประกอบการที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยมีรายได้รวม 39,330 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,339,173 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจศูนย์ข้อมูลซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลัก โดยเฉพาะจาก GPU ที่ออกแบบมาสำหรับงาน AI เติบโตขึ้นถึง 35,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,212,425 ล้านบาท คิดเป็น 90% ของรายได้ทั้งหมด
แม้ว่าผลประกอบการของบริษัท อินวิเดีย (Nvidia) จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่หุ้นของบริษัทก็ยังไม่ฟื้นตัวหลังจากร่วงลง 17% เมื่อวันที่ 27 มกราคม ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 ส่วนหนึ่งเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับ DeepSeek ห้องปฏิบัติการด้าน AI ของบริษัทเอกชนในประเทศจีนที่สามารถพัฒนา AI ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วยต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ต่ำกว่า
อย่างไรก็ตาม เจนเซ่น หวง (Jensen Huang) ได้โต้แย้งแนวคิดนี้ โดยมองว่า DeepSeek ช่วยให้ โมเดลการใช้เหตุผลกลายเป็นที่นิยมมากขึ้น ซึ่งจะต้องการชิปประมวลผลที่มากขึ้นตามไปด้วย
“DeepSeek ยอดเยี่ยมมาก เพราะมันเปิดซอร์สโมเดลการใช้เหตุผลที่มีคุณภาพระดับโลก” เจนเซ่น หวง (Jensen Huang) กล่าวเพิ่มเติม
ก่อนหน้านี้ บริษัท อินวิเดีย (Nvidia) เผชิญกับข้อจำกัดด้านการส่งออกที่เข้มงวดขึ้นในช่วงปลายรัฐบาลของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ทำให้รายได้จากจีนลดลงประมาณ 50% นอกจากนี้ อินวิเดีย (Nvidia) ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันจาก Huawei และบริษัทเทคโนโลยีจีนรายอื่น ๆ
บริษัทจะเปิดเผยว่าชิป GB200 ของบริษัทประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ AI รุ่นใหม่ของบริษัทที่ขายในสหรัฐฯ มีประสิทธิภาพสูงกว่าชิปที่ขายให้จีน ถึง 60 เท่า เนื่องจากถูกออกแบบภายใต้ข้อจำกัดด้านการส่งออก
แม้จะเผชิญกับข้อจำกัดด้านการส่งออก บริษัท อินวิเดีย (Nvidia) ยังคงได้รับประโยชน์จากการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ AI อย่างมหาศาล โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในช่วง 5 ไตรมาสติดต่อกัน จนถึงกลางปี 2024 ก่อนที่การเติบโตจะเริ่มชะลอตัวลงเล็กน้อย
ทั้งนี้ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลกยังคงลงทุน หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ในโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ AI ซึ่งคาดว่าจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของ Nvidia ต่อไปในอนาคต เช่น บริษัท Tesla ลงทุน GPU สำหรับการฝึก AI ด้านระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของรถยนต์ไฟฟ้า Autonomous Driving

พีรพรรธน์ เชื้อจีน