อาลีบาบา คลาวด์ เปิด Data Center แห่งที่ 2 ในไทย เน้นรองรับ Generative AI, Fintech, สื่อ, เทคโนโลยี และค้าปลีก

อาลีบาบา คลาวด์ (Alibaba Cloud) ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center) แห่งที่สองในประเทศไทย มุ่งเพิ่มสมรรถนะในการตอบสนองความต้องการบริการคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) ที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะเพื่อรองรับแอปพลิเคชัน generative AI และสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลไทยที่มุ่งส่งเสริมนวัตกรรมดิจิทัลและการพัฒนาเทคโนโลยีที่นำสู่ความยั่งยืน หลังจากเปิดตัวดาตาเซ็นเตอร์แห่งแรกของบริษัทในไทยเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา
ภาพรวมดาตาเซ็นเตอร์แห่งใหม่ของอาลีบาบา คลาวด์
อาลีบาบา คลาวด์ มุ่งมั่นเพิ่มขีดความสามารถให้องค์กรธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการปรับปรุงกลุ่มผลิตภัณฑ์หลากหลาย ซึ่งรวมถึง การประมวลผลแบบยืดหยุ่น (elastic computing), สตอเรจ, ฐานข้อมูล, ความปลอดภัย, ผลิตภัณฑ์ด้านเน็ตเวิร์ก, การวิเคราะห์ข้อมูล และบริการด้าน AI ต่าง ๆ รวมถึงโซลูชันต่าง ๆ ที่สามารถขจัดความท้าทายให้กับอุตสาหกรรมแต่ละประเภท
ในขณะเดียวกัน Cloud-native vector engine ของ AnalyticDB ช่วยให้ธุรกิจไทยโดยเฉพาะฟินเทคและค้าปลีก สร้างโซลูชันที่สามารถดึงข้อมูลองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องได้แบบเรียลไทม์ (retrieval-augmented generation:RAG) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ผ่านแอปพลิเคชันที่เป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับธุรกิจนั้น ๆ ความสามารถดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สร้างฐานความรู้เฉพาะของตน และจัดการข้อมูลทั้งที่มีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้างในรูปแบบเวกเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สามารถพัฒนาแชทบอทที่ตรงตามความต้องการของตน และพัฒนาครื่องมือสำหรับการปฏิสัมพันธ์ ที่สามารถถามตอบได้อย่างชาญฉลาด และให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เฉพาะเจาะจงกับความต้องการของแต่ละองค์กรได้
นาย ฌอน หยวน รองประธานฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศ และ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และภูมิภาคแปซิฟิกใต้ ของอาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า "ดาต้าเซ็นเตอร์ล่าสุดของเรานี้ เป็นการเสริมแกร่งความมุ่งมั่นของเราในการให้บริการคลาวด์ที่เชื่อถือได้ ปลอดภัย และทรงประสิทธิภาพ ที่ปรับให้ตรงตามความต้องการของธุรกิจในประเทศไทย เราเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโครงสร้างพื้นฐานในประเทศเพื่อมุ่งเสริมศักยภาพให้องค์กรในการใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีคลาวด์ให้ได้สูงสุด โดยเฉพาะกับแอปพลิเคชัน generative AI"

สรุปข่าว
ความสามารถทางเทคนิคของดาตาเซ็นเตอร์แห่งใหม่ของอาลีบาบา คลาวด์
อาลีบาบา คลาวด์ ในปัจจุบันมี availability zone ทั้งหมด 86 แห่ง ใน 28 ภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่ในประเทศไทย โดยได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบมากกว่า 140 รายการจากทั่วโลก ดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งสองแห่งในไทยจะช่วยสนับสนุนให้อาลีบาบา คลาวด์ สามารถให้บริการผลิตภัณฑ์คลาวด์คอมพิวติ้งที่มีความพร้อมใช้สูง มีความสามารถในการสเกล และยืดหยุ่น ที่มาพร้อมความสามารถในการกู้คืนระบบจากความเสียหายที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพแล้ว และปรับให้เหมาะกับภูมิทัศน์ดิจิทัลที่ไดนามิกของประเทศ ในขณะเดียวกันก็ยังคงยึดมั่นในมาตรฐานด้านความปลอดภัยและกฎระเบียบอย่างรัดกุมเข้มงวด
ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้เปิดตัว Alibaba Cloud Container Compute Service (ACS) ที่มีคุณสมบัติในการลดความยุ่งยากและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการใช้เวิร์กโหลด (Workload) ด้วยการใช้ Kubernetes เป็นอินเทอร์เฟซ มาพร้อมสภาพแวดล้อมคอนเทนเนอร์ที่ไม่ต้องพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ ACS ช่วยให้ธุรกิจปรับขนาดการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการลดความซับซ้อนที่เกี่ยวกับการจัดการโครงสร้างพื้นฐานให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อให้บุคลากรสามารถโฟกัสงานที่เป็นนวัตกรรมได้ ทั้งยังจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน อาลีบาบา คลาวด์ ได้นำเสนอโซลูชันที่ปรับให้เหมาะเฉพาะกับแต่ละอุตสาหกรรม และความต้องการของลูกค้าที่ใช้ดิจิทัลเป็นพื้นฐานในหลายภาคส่วน เช่น ฟินเทค ค้าปลีก และ บริการสาธารณะ โซลูชันเหล่านี้ประกอบด้วย Workspace Elastic Desktop Service (EDS), โซลูชัน eKYC ต่าง ๆ, สมรรถนะในการพัฒนา SuperApp และโซลูชันด้านความยั่งยืนที่ขับเคลื่อนด้วย AI
ตัวอย่างองค์กรที่ใช้อาลีบาบา คลาวด์
ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป หนึ่งในธุรกิจหลักของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคมระดับแนวหน้าแห่งหนึ่งของไทย เป็นหนึ่งในองค์กรที่ใช้ผลิตภัณฑ์คลาวด์คอมพิวติ้งของอาลีบาบา คลาวด์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านฐานข้อมูลและคอนเทนเนอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความเสถียร และเพิ่มความสามารถในการปรับขนาดการทำงานของแพลตฟอร์มด้านพลังงานของบริษัทฯ
เยลล์ กรุ๊ป บริษัทด้านดิจิทัลครีเอทีฟชั้นนำที่มีสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย ร่วมมือกับอาลีบาบา คลาวด์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ AI-Deate ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสตอรี่บอร์ดที่ใช้ AI โดยใช้เทคโนโลยี generative AI เสริมศักยภาพให้กับนักสร้างสรรค์ใน 102 ประเทศ ในการพัฒนาแอปพลิเคชันด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ พร้อมจัดการความท้าทายในการสร้างสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตและการทำงานในยุคดิจิทัล
โคเดียม บริษัทซอฟต์แวร์ในประเทศไทยที่เชี่ยวชาญด้านโซลูชันสำหรับสถานที่ทำงานดิจิทัล ร่วมมือกับอาลีบาบา คลาวด์ เพื่อใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่ปรับขนาดการใช้งานได้ โดยมุ่งสร้างรากฐานดิจิทัลให้กับธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศไทย และเพิ่มประสิทธิภาพระบบนิเวศคลาวด์ในประเทศ ผ่านบริการคลาวด์ที่เข้าถึงได้และสนับสนุนลูกค้าคนไทยอย่างครอบคลุม
ไวท์แชนแนล ผู้ให้บริการโทรทัศน์และ OTT ในประเทศไทย ได้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับแพลตฟอร์มวิดีโอออนดีมานด์ ด้วยการใช้บริการสตรีมมิ่งวิดีโอครบวงจรของอาลีบาบา คลาวด์ ซึ่งช่วยให้ไวท์แชนแนลสามารถให้บริการการเล่นวิดีโอที่มีคุณภาพสูงโดยไม่มีการหน่วงเวลา (Latency) โดยใช้เครือข่าย CDN ระดับโลกและโซลูชันด้านการจัดเก็บข้อมูลที่ปรับขนาดการใช้งานได้ เพื่อจัดการคอนเทนต์ไลบรารีได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในช่วงที่มีการรับส่งข้อมูลในปริมาณมากขึ้น
นอกจากนี้ อาลีบาบา คลาวด์ ยังร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ของไทย เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โดยนำเสนอเวิร์กช็อปและหลักสูตรคลาวด์คอมพิวติ้งและ generative AI ที่มีการให้การรับรองเมื่อผ่านหลักสูตรด้วยเช่นกัน
โดยเมื่อปลายปี 2024 ที่ผ่านมา อาลีบาบา คลาวด์ ได้เปิดตัว global skills center แห่งแรกที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยให้บริการหลักสูตรฝึกอบรม บูธแคมป์ (Bootcamp) การแข่งขันด้าน AI และโปรแกรมพัฒนาความเป็นผู้นำ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โครงการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของอาลีบาบา คลาวด์ ในการเพิ่มประสิทธิภาพทรัพยากรทางการศึกษาและส่งเสริมแลนด์สเคปดิจิทัล (Digital Landscape) ผ่านความร่วมมือกับสถาบันในประเทศต่าง ๆ ในไทย
ที่มาข้อมูล : Alibaba Cloud (ประเทศไทย)
ที่มารูปภาพ : Alibaba Cloud (ประเทศไทย)