TNN โดนัลด์ ทรัมป์ แย้มอาจลงชิงประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้งในปี 2024

TNN

World

โดนัลด์ ทรัมป์ แย้มอาจลงชิงประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้งในปี 2024

โดนัลด์ ทรัมป์ แย้มอาจลงชิงประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้งในปี 2024

โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวปราศรัยในที่ประชุมความเคลื่อนไหวทางการเมืองอนุรักษ์นิยม พร้อมแย้มอาจลงชิงประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้งในปี 2024

วันนี้ (2มี.ค.64) โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวปราศรัย ในที่ประชุมความเคลื่อนไหวทางการเมืองอนุรักษ์นิยม หรือ CPAC ที่โรงแรมไฮแอต เมืองออร์แลนโดของรัฐฟลอริดาในวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น โจมตีรัฐบาลโจ ไบเดน อย่างหนัก พร้อมระบุว่าเขาไม่มีแผนการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพราะไม่อยากแบ่งแยกเสียงสนับสนุนพรรครีพับลิกัน และยังพูดเป็นนัยว่า อาจลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอีกในปี 2024 


ทรัมป์ปราศรัยครั้งแรกตั้งแต่โจ ไบเดน รับตำแหน่งประธานาธิบดี วิพากษ์วิจารณ์ไบเดนอย่างรุนแรงว่า คณะบริหารภายใต้การนำของไบเดน “ทำงานเดือนแรกได้เลวร้ายที่สุด เมื่อเทียบกับประธานาธิบดีทั้งหมดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่” พร้อมตราหน้าคณะบริหารชุดนี้ว่า “ต่อต้านการทำงาน ต่อต้านครอบครัว ต่อต้านพรมแดน ต่อต้านพลังงาน ต่อต้านผู้หญิง และต่อต้านวิทยาศาสตร์”


ทรัมป์ชี้ว่านโยบายผู้อพยพของไบเดนนั้น “ผิดศีลธรรม” และการตัดสินใจระงับการก่อสร้างกำแพงตลอดแนวพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกของไบเดน สร้าง “ภัยพิบัติทางมนุษยธรรมและความมั่นคงแห่งชาติ” ที่ย้อนกลับมาทำร้ายสหรัฐฯ เสียเอง อดีตประธานาธิบดีเรียกร้องไบเดนออกคำสั่งเปิดการเรียนการสอนของโรงเรียนตามปกติโดยทันที แม้การกลับมาเปิดโรงเรียนอย่างไรให้ปลอดภัยจะยังเป็นประเด็นถกเถียงอันดุเดือด พร้อมกับการที่สหรัฐฯ เผชิญกับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ก่อโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ ซึ่งมีความร้ายแรงกว่าเดิม


นอกจากนี้ ทรัมป์ยังอ้างความดีความชอบจากแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั่วประเทศ ระบุว่าคณะบริหารของไบเดนทำงานตามแผนการที่เป็นมรดกตกทอดจากคณะบริหารของทรัมป์ และย้ำเตือนว่า “จงอย่าลืมว่าเรื่องนี้เป็นผลงานของเรา” หลังจากคณะบริหารของไบเดนกล่าวหาว่าต้องเริ่มดำเนินงานพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตั้งแต่ต้น พร้อมกันนั้น ทรัมป์มุ่งโจมตีนโยบายต่างประเทศของไบเดน ซึ่งรวมถึงนโยบายเกี่ยวกับตะวันออกกลาง การกลับเข้าร่วมข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการกลับเข้าร่วมองค์การอนามัยโลก (WHO) ตลอดจนการยกเลิกมาตรการห้ามการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งถูกบังคับใช้ในสมัยของทรัมป์


เมื่อพูดถึงนโยบายพลังงานสะอาดของไบเดน ทรัมป์ ซึ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล กล่าวว่าไบเดนสนับสนุน “กังหันลม” มากกว่าพลังงานแบบดั้งเดิม และจะนำพาประเทศหลุดจากการเป็นผู้ทรงอิทธิพลด้านพลังงานไปสู่หายนะ

การประชุมความเคลื่อนไหวทางการเมืองอนุรักษ์นิยมถือเป็นเวทีที่สนับสนุนทรัมป์มาโดยตลอด และการเปิดตัวรูปปั้นเหมือนทรัมป์สีทอง กอปรกับการส่งเสียงร้องเชียร์ของผู้คนส่วนใหญ่ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย แสดงให้เห็นว่างานปีนี้ช่วยประเมินบทบาทความสำคัญของทรัมป์ในพรรครีพับลิกันอีกครั้ง


ทรัมป์สยบข่าวลือที่ว่าเขาวางแผนก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่หลังเกิดเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม ซึ่งทรัมป์ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบ ระบุว่าเขาจะไม่ก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่และจะไม่แบ่งแยกอำนาจและความแข็งแกร่งของพรรครีพับลิกัน แต่จะสร้างความปรองดองและความแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแทน


อดีตประธานาธิบดียังกล่าวโจมตีสมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วน เช่น ลิซ ชีนีย์ สมาชิกรัฐสภา และมิตต์ รอมนีย์ สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งลงคะแนนเสียงเห็นชอบว่าเขามีความผิดจากข้อกล่าวหายุยงปลุกปั่นจนทำให้เกิดการจลาจลที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ และสมควรถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี โดยเรียกร้องพรรครีพับลิกันไล่ทั้งสองออกจากการเป็นสมาชิก ขณะเดียวกันทรัมป์ชื่นชมพันธมิตรที่ภักดีต่อเขาที่สุดอย่างจิม จอร์แดน สมาชิกรัฐสภา ซึ่งเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วยและหวังให้ทรัมป์ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปี 2024


สุนทรพจน์ของทรัมป์ครั้งนี้มีขึ้นขณะเกิดรอยร้าวอย่างรุนแรงภายในพรรครีพับลิกัน เนื่องจากมีสมาชิกพรรคฯ 10 คน ลงคะแนนเสียงเห็นชอบถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม และสมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกัน 7 คน ลงคะแนนเสียงว่าเขามีความผิดจริงในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งทำให้กระบวนการยื่นถอดถอนทรัมป์มีความเป็นหนึ่งเดียวจากสองพรรคมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

    

ส่วนผลการสำรวจอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งจัดทำขึ้นในที่ประชุมฯ ก่อนทรัมป์ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ พบผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 55 เห็นชอบให้เขาเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปี 2024 ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงของกลุ่มผู้สนับสนุนต่อบทบาทภายในพรรครีพับลิกันของทรัมป์


ข่าวแนะนำ