เตือน ระวังสงครามนิวเคลียร์ หลัง “สหรัฐฯ-เกาหลีใต้” ซ้อมรบร่วมต่อเนื่อง
การซ้อมรบระหว่าง ‘สหรัฐฯ-เกาหลีใต้’ ยังไม่มีทีท่าสิ้นสุด ทำให้เกาหลีเหนือออกมาระบุว่า ระวังจะเกิดสงครามนิวเคลียร์
“ตัวจุดประกายสงครามนิวเคลียร์”
เกาหลีเหนือกล่าวหาว่า สหรัฐฯ และเกาหลีใต้กำลังเพิ่มความตึงเครียดให้คาบสมุทรเกาหลี และจะเป็น “ตัวจุดประกายสงครามนิวเคลียร์” กรณีที่เดินหน้าซ้อมรบร่วมกัน พร้อมให้คำมั่นว่าจะตอบโต้ “การกระทำที่น่ารังเกียจ”
สำนักข่าว KCNA นำเสนอบทความวิพากษ์วิจารณ์การซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุดลงนั้นว่า “เป็นการเปลี่ยนให้คาบสมุทรเกาหลีกลายเป็น ‘แมกกาซีนดินปืน’ ขนาดใหญ่ที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกขณะ”
KCNA อ้างบทความของ โช จูฮยอน นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคง ระบุว่า “การเผชิญหน้าทางการทหารอย่างบ้าบิ่นของสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตร กับเกาหลีเหนือนั้น จะยิ่งเป็นการผลักดันให้สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีเดินหน้าสู่ ‘หายนะ’ อย่างที่ไม่อาจแก้ไขได้ และอาจนำมาสู่ ‘สงครามนิวเคลียร์’ ตามมา”
KCNA ยังระบุอีกว่า ตอนนี้ประชาคมโลกมีความเห็นพ้องต้องกันว่าต้องการให้ เมฆหมอกที่ดำมืดของสงครามนิวเคลียร์ที่ลอยอยู่เหนือคาบสมุทรเกาหลีนี้มลายหายไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ที่ผ่านมา กองทัพสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ได้เดินหน้าซ้อมรบหลายครั้ง และเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบไม่หยุดพัก ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งรวมทั้งการซ้อมรบทางอากาศ และทางทะเล ที่มีการนำเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ “นิมิตซ์” ตลอดจนเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B มายังคาบสมุทรเกาหลีด้วย นับเป็นการซ้อมรบร่วมกันที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 5 ปี ซึ่งเกาหลีเหนือมองว่า การซ้อมรบดังกล่าว เป็นการซ้อมเพื่อแทรกแซงเกาหลีเหนือ
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (5 เมษายน) สหรัฐฯ ยังได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 มายังคาบสมุทรเกาหลีด้วย ซึ่ง B-52 นี้ เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลที่มีศักยภาพสูง ซึ่งคิม ยอจอง น้องสาวของคิม จองอึน ประกาศทันทีว่า “จะตอบโต้กลับอย่างรวดเร็วและเต็มรูปแบบ”
เกาหลีเหนือเสริมกำลังพัฒนาอาวุธใหม่ต่อเนื่อง
ขณะที่เกาหลีเหนือเองก็ยังเดินหน้าพัฒนาอาวุธของตัวเองอย่างต่อเนื่อง อย่างเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้เผยภาพของ “หัวรบนิวเคลียร์รุ่นใหม่” ที่มีชื่อว่า “Hwasan-31” ที่คิม จองอึน เดินทางไปเปิดตัวด้วยตัวของเขาเอง
ซึ่งหัวรบ Hwasan-31 ลูกนี้ ถูกปรับให้มีขนาดเล็กลงมาก เพื่อจะได้สามารถติดตั้งระบบอาวุธที่หลากหลาย โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางราว 40-50 เซนติเมตรเท่านั้น และมีแรงระเบิด 10 กิโลตัน
โดย “ฮวาซัน” มีความหมายในภาษาเกาหลีว่า “ภูเขาไฟ”
อีกทั้งผู้นำเกาหลีเหนือยังได้ออกคำสั่งให้เพิ่มการผลิตวัสดุนิวเคลียร์ระดับเดียวกับอาวุธและเพิ่มการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ที่มีพลังมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการทดสอบ Hwasong-17 ขีปนาวุธข้ามทวีป, โดรนโจมตีใต้น้ำที่สามารถบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ และ ขีปนาวุธร่อนที่โจมตีจากเรือดำน้ำ
ทูตนิวเคลียร์สหรัฐฯ-เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น หารือร่วม
ซุง คิม ผู้แทนพิเศษว่าด้วยเกาหลีเหนือของสหรัฐฯ พบกับ คิม กุนน์ ผู้แทนพิเศษนิวเคลียร์ของเกาหลีใต้ในวันนี้ (6 เมษายน) ที่กรุงโซล เมืองหลวงเกาหลีใต้ ในขณะที่ภัยคุกคามนิวเคลียร์และขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือกำลังเพิ่มขึ้น
ด้านกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ รายงานว่า ซุง คิมเดินทางถึงกรุงโซลในวันนี้ ในการเยือนเกาหลีใต้เป็นเวลา 2 วัน เพื่อประชุมทวิภาคีและไตรภาคีกับทูตนิวเคลียร์ของเกาหลีใต้และญี่ปุ่น คาดว่าคิมจะยืนยันย้ำถึงคำมั่นสัญญาของสหรัฐฯ ในการปกป้องทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ จากภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ
สหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ เพิ่งเสร็จสิ้นการซ้อมรบร่วมประจำปีในฤดูใบไม้ผลิในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งทางทะเลและทางอากาศ เป็นการซ้อมรบครั้งใหญ่สุดรอบ 5 ปี มีเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-1B และ B-52 เข้าร่วมการซ้อมรบด้วย รวมไปถึงเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ อีก 1 ลำ และมีการซ้อมยกพลขึ้นบกแบบสะเทินน้ำสะเทินบกครั้งใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีด้วย
เกาหลีเหนือตอบโต้การซ้อมรบของเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ อย่างโกรธเกรี้ยว เพราะมองว่าการซ้อมรบร่วมของเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ คือการซ้อมรุกรานเกาหลีเหนือ
โดยเกาหลีเหนือได้เพิ่มการยิงขีปนาวุธและกิจกรรมทางทหารตลอดหลายสัปดาห์ในเวลาเดียวกับการซ้อมรบร่วมของเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ รวมถึงการยิงทดสอบขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีป 1 ลูก ที่เกาหลีเหนือคุยว่า สามารถยิงไปถึงพื้นที่ใดก็ได้ในสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ยังเปิดตัวหัวรบนิวเคลียร์ใหม่ที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม และทดสอบโดรนจู่โจมใต้น้ำติดหัวรบนิวเคลียร์ 1 ลำเป็นครั้งแรกด้วย
————
แปล-เรียบเรียง: ภัทร จินตนะกุล
ภาพ: Reuters
ข้อมูลอ้างอิง: