"กราดยิงไนท์คลับ" ในสหรัฐฯ เสียชีวิต 5 บาดเจ็บอีก 25 ราย
ผู้คนแห่นำดอกไม้มาร่วมแสดงความไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราด"กราดยิงไนท์คลับ" ในรัฐโคโลราโดของสหรัฐฯ ขณะที่เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนเพื่อหาแรงจูงใจของผู้ก่อเหตุ
ผู้คนแห่นำดอกไม้มาร่วมแสดงความไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราด"กราดยิงไนท์คลับ" ในรัฐโคโลราโดของสหรัฐฯ ขณะที่เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนเพื่อหาแรงจูงใจของผู้ก่อเหตุ
วันนี้( 21 พ.ย.65) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้คนจำนวนมาก แห่นำดอกไม้มาร่วมแสดงความไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดที่ไนท์คลับที่ชื่อว่า “คลับ คิว” (Club Q) ที่ตั้งอยู่ในเมือง “โคโลราโด สปริงส์” ในรัฐ “โคโลราโด” ของสหรัฐฯเมื่อเมื่อกลางดึกของวันเสาร์ (19 พ.ย.) ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 25 คน
ขณะที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้แล้ว และได้เปิดเผยชื่อผู้ก่อเหตุแล้วคือนายแอนเดอร์สัน ลี อัลดริช วัย 22 ปี พร้อมกับระบุว่า ใช้ปืนยาวไรเฟิลเป็นอาวุธในการก่อเหตุขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนเพื่อหาแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่มุ่งประเด็นไปที่เรื่องความเกลียดชัง เนื่องจากไนต์คลับที่เกิดเหตุเป็นไนต์คลับของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ หรือ แอลจีบีทีคิว (LGBTQ)
ขณะเดียวกันก็มีหลักฐานบ่งชี้ว่า เมื่อปีที่แล้ว เคยมีผู้ต้องสงสัยก่อเหตุขู่วางระเบิดในเมือง “โคโลราโด สปริงส์” ที่มีชื่อและวันเกิดวันเดียวกับผู้ก่อเหตุครั้งนี้ แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่
อย่างไรก็ตามนายจาเร็ด โพลิส ผู้ว่าการรัฐโคโลราโด ที่เคยออกมายอมรับอย่างกล้าหาญว่าเขาเป็นเกย์ เมื่อปี 2018 ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น ผ่านช่องทางวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ หรือ การประชุมทางไกล เข้ามาในระหว่างที่กลุ่มคนรวมตัวกันแสดงความไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตภายในโบสถ์ประจำเมือง “โคโลราโด สปริงส์” พร้อมกับแสดงความเห็นว่า เขารู้สึกเสียใจอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับเรียกเหตุกราดยิงในครั้งนี้ว่า เป็นการกระทำที่ชั่วร้ายของบุคคลที่ไร้สติ
ทั้งนี้ เหตุกราดยิงที่ไนท์คลับที่ชื่อว่า “คลับ คิว” ครั้งนี้ ทำให้นึกถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ ที่เคยเกิดขึ้นที่ไนท์คลับที่ชื่อว่า “พัลซ์” (Pulse) ไนท์คลับเกย์ที่ตั้งอยู่ในเมือง “ออร์แลนโด” รัฐฟลอริดา” โดยเมื่อปี 2016 มีคนร้ายถือปืนเข้าไปก่อเหตุกราดยิงจนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 49 ราย ก่อนที่ตำรวจจะตัดสินใจวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายในเวลาต่อมา
ภาพจาก รอยเตอร์