สหรัฐฯ ปฏิเสธการอ้างสิทธิ์ของจีนในทะเลจีนใต้ ชี้ บ่อนทำลายหลักนิติธรรมในมหาสมุทร
สหรัฐฯ เผยรายงานฉบับล่าสุด ปฏิเสธการอ้างสิทธิ์ของจีนในทะเลจีนใต้ หลังเพิ่งส่งกองเรือซ้อมรบในพื้นที่พิพาทไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
สำนักข่าว SCMP รายงานสถานการณ์โต้แย้งกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ ที่ไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ล่าสุด สหรัฐฯ ยังยืนกรานไม่ยอมรับการอ้างสิทธิ์ของจีนเหนือทะเลจีนใต้ ระบุ สิทธิทางประวัติศาสตร์ ที่จีนอ้างถึง “ไม่ปรากฏ” ในอนุสัญญาใด ๆ
---ยืนหยัดคานอำนาจจีน---
รัฐบาลสหรัฐฯ ยกระดับวิพากษ์วิจารณ์การอ้างสิทธิ์ของจีนในทะเลจีนใต้ โดยเมื่อวันพุธ (12 มกราคม) ได้ออกรายงานที่ระบุว่า “สิทธิทางประวัติศาสตร์” เป็นคำที่ไร้ซึ่งความหมาย
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในรายงานที่มีชื่อว่า Limits in the Seas ว่า จีน “บ่อนทำลายหลักนิติธรรมในมหาสมุทรอย่างร้ายแรง” โดยอ้างอิงถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (Unclos) ฉบับปี 1982 และคำตัดสินระหว่างประเทศ ที่ปฏิเสธการอ้างสิทธิส่วนใหญ่ของจีนในทะเลจีนใต้
รายงานดังกล่าว มีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างจีนและผู้อ้างกรรมสิทธิ์ชาติอื่น ๆ ในทะเลจีนใต้และตะวันออก หลังสื่อญี่ปุ่นรายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า เรือรบญี่ปุ่นได้ทำการลาดตระเวนเสรีภาพในการเดินเรือ ใกล้หมู่เกาะสแปรตลีย์ที่นานาประเทศกำลังมีประเด็นขัดแย้งกันอยู่
ขณะที่ จีนอ้างสิทธิทางประวัติศาสตร์ในภูมิภาคทะเลจีนใต้มากกว่า 80% รวมทั้งหมู่เกาะสแปรตลีย์ ผ่านแผนที่ “เส้นประ 9 เส้น” (nine-dash line) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,000 กิโลเมตร ตั้งแต่จีนแผ่นดินใหญ่ ยาวไปจนถึงน่านน้ำใกล้กับอินโดนีเซียและมาเลเซีย
---การอ้างสิทธิ์ที่ขาดการยอมรับ---
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2016 คำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ ระบุว่า จีนไม่มี “สิทธิทางประวัติศาสตร์” ในการอ้างสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้
รวมถึงตัดสินว่า การอ้างกรรมสิทธิ์เหนือหินโผล่ของหลาย ๆ ประเทศ ไม่สามารถใช้เป็นบรรทัดฐานในการครอบครองทะเลจีนใต้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
จ้าว ลี่เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวเมื่อปีที่แล้วว่า คำตัดสินดังกล่าว “ไม่ถูกต้อง” ท่ามกลางข้อพิพาทจีน-ฟิลิปปินส์ หลังจีนส่งฝูงเรือหลายร้อยลำเข้าใกล้หมู่เกาะสแปรตลีย์
รายงานของสหรัฐฯ ยังระบุว่า “ไม่มีบทบัญญัติของอนุสัญญาที่มีคำว่า ‘สิทธิทางประวัติศาสตร์’ และคำดังกล่าว ยังไร้ซึ่งความเข้าใจร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกฎหมายระหว่างประเทศ”
“การอ้างสิทธิใด ๆ จะต้องสอดคล้องกับบทบัญญัติของอนุสัญญา รวมถึงส่วนที่เกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ, ไหล่ทวีป และทะเลหลวง” แถลงการณ์ระบุ
รายงานดังกล่าว ยังโต้แย้งการอ้างสิทธิ์ของจีนที่มีต่อพื้นที่มากกว่า 100 แห่งในทะเลจีนใต้ ซึ่งจมอยู่ใต้น้ำในช่วงที่น้ำขึ้นสูงอีกด้วย
---กองเรือรบอเมริกันที่ไม่เคยหยุดนิ่ง---
ล่าสุด สหรัฐฯ ได้ส่งกองเรือ Carrier Strike Group ไปยังทะเลจีนใต้ ซึ่งเรือบรรทุกเครื่องบินซานตงของจีน เพิ่งซ้อมรบไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ทำให้เกิดความตึงเครียดครั้งใหม่ในพื้นที่ดังกล่าว
หน่วยงาน South China Sea Strategic Situation Probing Initiative ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งตรวจสอบข้อมูลการติดตามเรือแบบโอเพนซอร์ส ระบุว่า พบเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson และ USS Essex รวมถึงเรือคุ้มกัน เข้าสู่น่านน้ำทางใต้ของทะเลจีนใต้ เมื่อเย็นวันอังคาร (11 มกราคม) ที่ผ่านมา
ด้านกองทัพเรือสหรัฐฯ ยังไม่ได้ประกาศแผนใด ๆ แต่คาดการณ์ว่า ทั้งสองกองเรือจะรวมกำลังและออกปฏิบัติการร่วมกัน
ทั้งนี้ การซ้อมรบของสหรัฐฯ แบบสองกองเรือ เกิดขึ้นในทะเลจีนใต้มาแล้ว 2 ครั้ง คือ เดือนกรกฎาคม 2020 และกุมภาพันธ์ 2021 ขณะที่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว USS Carl Vinson CSG ได้ฝึกซ้อมร่วมกับเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ญี่ปุ่น JS Kaga ในภูมิภาคนี้ด้วย
--- สหรัฐฯ-จีนเลี่ยงการเผชิญหน้าในน่านน้ำ---
การซ้อมรบครั้งล่าสุด เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังกองทัพเรือ PLA ได้จัดเรือบรรทุกเครื่องบินสองลำซ้อมรบร่วมกัน โดยลำหนึ่งอยู่ในทะเลจีนใต้ นอกจากนี้ ยังเป็นเวลาเพียงสามสัปดาห์ก่อนโอลิมปิกฤดูหนาวในปักกิ่งและวันตรุษจีน ซึ่งจีนหวังหลีกเลี่ยงการสร้างความตึงเครียดทางทหารในพื้นที่ใกล้เคียง
จากข้อมูลของกองทัพเรือสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กองเรือ USS Carl Vinson อยู่ในทะเลเซเลเบส ซึ่งอยู่ระหว่างฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและมาเลเซีย โดยมีฝูงบินจาก Carrier Air Wing 2 อยู่บนเรือ 9 ลำ รวมถึงเครื่องบินขับไล่ล่องหน F-35C และเครื่องบินลำอื่น ๆ ในฝูงบิน
อีกทั้งยังมีเรือลาดตระเวนขีปนาวุธนำวิถีชั้น USS Lake Champlain และฝูงบินพิฆาต 1 ซึ่งประกอบด้วย เรือพิฆาตขีปนาวุธนำวิถี ชั้น Arleigh Burke จำนวน 5 ลำ
ทั้งนี้ เรือบรรทุกเครื่องบิน “ซานตง” อยู่ในทะเลจีนใต้เมื่อธันวาคมที่ผ่านมา ส่วน “เหลียวหนิง” อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก โดย ณ เวลานั้น ไม่มีเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ อยู่ในภูมิภาคแห่งนี้แม้แต่ลำเดียว
---สังเวียนสองชาติ “ไร้จุดจบ”---
ข้อพิพาททะเลจีนใต้ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้นตั้งแต่จีนเริ่มทำการถมทะเลสร้างเกาะเทียมช่วงปี 2015
ขณะที่ฝ่ายบริหารของไบเดนโต้แย้งว่า การกระทำของจีนในทะเลจีนใต้ คุกคามเส้นทางการค้าแห่งนี้ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี (ราว 99 ล้านล้านบาท)
ในระหว่างการเยือนประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อเดือนที่แล้ว แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยังให้คำมั่นว่า สหรัฐฯ และพันธมิตร รวมถึงนานาประเทศที่อ้างสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ จะ “ยังคงต่อต้านพฤติกรรมดังกล่าวต่อไป” ซึ่งหมายถึง การกระทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศในพื้นที่พิพาท
ด้านจ้าว ลี่เจี้ยน ออกมาโต้แย้งหลังคำปราศรัยของบลิงเคน โดยระบุว่า “ไม่ใช่จีนที่สร้างปัญหาในทะเลจีนใต้ หรือวางตัวเป็นภัยคุกคามร้ายแรงและเสี่ยงต่อสันติภาพ-เสถียรภาพในภูมิภาค ภายใต้ข้ออ้างของ ‘เสรีภาพในการเดินเรือ’ ”
“ผมแน่ใจว่าเราทุกคนรู้ว่า ประเทศใดมีนิสัยเช่นนั้น หวังว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จะไม่บิดเบือนข้อเท็จจริงเหล่านี้” จ้าว เสริม
—————
แปล-เรียบเรียง: พัชรี จันทร์แรม
ภาพ: Reuters