TNN หรือต้องฉลองทางไกลอีกปี? ตรุษจีนปีนี้ทำคนจีนนับล้านตกที่นั่งลำบาก

TNN

World

หรือต้องฉลองทางไกลอีกปี? ตรุษจีนปีนี้ทำคนจีนนับล้านตกที่นั่งลำบาก

หรือต้องฉลองทางไกลอีกปี? ตรุษจีนปีนี้ทำคนจีนนับล้านตกที่นั่งลำบาก

ชาวจีนหลายสิบล้านกำลังเผชิญภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลังต้องตัดสินใจว่าจะ “ฉลองทางไกล” หรือ “กลับบ้าน” ขณะเข้าใกล้เทศกาลตรุษจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ

สำนักข่าว SCMP รายงานเจาะลึกถึงเทศกาลปีใหม่ของชาวจีน หลังประชาชนเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก เมื่อต้องตัดสินใจว่าจะอยู่หรือกลับบ้าน หลังรัฐบาลพยายามคุมเข้มโควิดรับโอลิมปิกฤดูหนาวและการเดินทางช่วงตรุษจีน ที่อาจทำให้ต้องฉลองทางไกลเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน


---ฉลองทางไกลเลี่ยงโควิด---


เจสัน จ้าว กำลังเผชิญปัญหาแบบเดียวกับชาวจีนอีกหลายล้านคน ที่ย้ายไปทำงานในเมืองใหญ่ และต้องทนทุกข์โดยที่ไม่รู้ว่าจะได้กลับบ้านในช่วงปีใหม่จีน หรือวันตรุษจีน ที่กำลังจะถึงนี้หรือไม่


จ้าว ซึ่งทำงานให้กับรัฐวิสาหกิจในกรุงปักกิ่ง รู้ดีว่าบริษัทคาดหวังให้เขาปฏิบัติตาม “แนวทาง” นอกเหนือจากที่รัฐบาลได้ประกาศออกมา และจะต้องได้รับการอนุมัติจากหัวหน้างานในการลา หรือหากกลับบ้าน ก็ต้องยอมได้โบนัสสิ้นปีที่น้อยกว่าเดิม


ท้ายที่สุด จ้าวตัดสินใจอยู่ในเมืองหลวงต่อไป และเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่เขาไม่สามารถกลับบ้านไปหาพ่อแม่ ซึ่งอาศัยในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ และต้องเฉลิมฉลองทางไกลแทน


---เทศกาลใหญ่ที่ได้พบหน้าครอบครัว---


ปกติแล้ว ผู้คนหลายสิบล้านคนจากทุกสาขาอาชีพ จะเดินทางออกจากเมืองที่พวกเขาทำงาน และกลับบ้านเกิดของตน ในช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเกิดการเดินทางครั้งใหญ่ทั่วประเทศ หรือที่รู้จักกันในชื่อ เทศกาล “ชุนอวิ้น” (Chunyun) 


เทศกาลท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิ ระยะเวลา 40 วันนี้ จะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า และลากยาวจนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้


ปีที่แล้ว ตัวเลขการเดินทางลดลงอย่างมาก จากข้อจำกัดของโควิด-19 แต่คาดว่าจะฟื้นตัวในปีนี้ เนื่องจากดูเหมือนว่า รัฐบาลจีนจะสามารถควบคุมการระบาดครั้งใหญ่นี้ได้


ขณะที่ การระบาดครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มต้นการระบาดในเมืองซีอาน ทำให้เมืองที่มีประชากร 13 ล้านคนต้องล็อกดาวน์ และยังมีโควิด “โอมิครอน” ที่แพร่เชื้อได้สูง ระบาดในเมืองใหญ่อีกสองเมือง ได้แก่ เทียนจิน และเซินเจิ้น รวมถึงการระบาดอีกระลอกในเหอหนาน ทำให้ต้องจำกัดการเดินทางในช่วงตรุษจีน เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19


---โอลิมปิกฤดูหนาวทำคุมเข้มหนักขึ้นอีก---


เมื่อวันพฤหัสบดี (6 มกราคมกระทรวง 14 กระทรวง รวมทั้งคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ และกระทรวงคมนาคม ได้ออกประกาศร่วมกัน เรียกร้องให้ “เฝ้าระวังให้มากขึ้น” ในเทศกาลท่องเที่ยวช่วงวันหยุดตรุษจีน


ปัจจัยสำคัญอีกประการที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของชาวจีน คือ โอลิมปิกฤดูหนาว ที่จะเปิดฉาก  กรุงปักกิ่งในเดือนหน้า ซึ่งจะทำให้มีการออกมาตรการคุมเข้มเพิ่มขึ้นอีก


แม้บริษัทยังไม่ได้ประกาศนโยบายอย่างเป็นทางการ แต่จะเข้มงวดกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน การกลับบ้านปีนี้จึงไม่ใช่ความคิดที่ดี” จ้าว กล่าว


อย่างไรก็ตาม ประชาชนบางส่วนทางใต้ของมณฑลกวางตุ้ง ต่างรอดูแนวทางที่จะประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะกลับบ้านหรือไม่


---จีนจะคงนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” ได้อย่างไร?---


จ้าว เหว่ย ศาสตราจารย์ด้านสาธารณสุข แห่ง Southern Medical University ในกวางโจว กล่าวว่า การเดินทางที่เพิ่มขึ้นในช่วงตรุษจีน จะส่งผลกระทบต่อการป้องกันและควบคุมโรคระบาดอย่างแน่นอน


ปีนี้จะมีแรงกดดันมากกว่าใน 2 ปีที่ผ่านมา หลังอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลานาน ผู้คนต่างกระตือรือร้นที่จะเดินทางและออกไปผ่อนคลาย ทำให้การแพร่ระบาดอาจพุ่งสูงอีกครั้ง


การระบาดในต่างประเทศรุนแรงมาก จนยากที่จีนจะรอดพ้นจากโควิด-19” จ้าว กล่าว โดยอ้างอิงถึงการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของสายพันธุ์เดลตาและโอมิครอน


---อาจไม่ได้กลับบ้านเป็นปีที่ 2---


หยาง หมิน วัย 35 ปี ทนายความหญิงในเมืองฝอซาน ใกล้กับมณฑลกวางโจว อาจไม่กลับบ้านเกิดในมณฑลเหอเป่ย์ทางเหนือ เพื่อร่วมเทศกาลตรุษจีนกับครอบครัว


บริษัทอนุญาตถ้าพนักงานอยากลาหยุด แต่ฉันกังวลเกี่ยวกับการกักกันและมาตรการคุมเข้มในมณฑลเหอหนานและเหอเป่ย์ ซึ่งเป็นบ้านที่พ่อแม่อาศัยอยู่” เธอกล่าว


ปีนี้จะมีการจำกัดการเดินทางมากขึ้น เพราะจะมีโอลิมปิกฤดูหนาว และเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก เพราะฉันไม่ได้กลับบ้านมาสองปีแล้ว” หยาง กล่าว


พ่อแม่ของฉันอายุ 70 ปี และวันตรุษจีนเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้สูงอายุ พวกเขาอยากให้ครอบครัวได้ฉลองพร้อมหน้า และจะเศร้าถ้าลูก  ไม่กลับบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเพื่อนบ้านได้เฉลิมฉลองปีใหม่จีนกับบรรดาลูกหลาน


ฉันไม่กล้าบอกพ่อแม่ว่า เราจะไม่กลับบ้าน พวกเขาอาจเข้าใจแต่ก็คงผิดหวัง” เธอ กล่าวเสริม

—————

แปล-เรียบเรียงพัชรี จันทร์แรม

ภาพ: Reuters

ข่าวแนะนำ