เปิดราคา Bitcoin 3 ช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 พุ่งแรงอยู่ไหม?
เปิดราคา Bitcoin เปรียบเทียบ 3 ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แตกต่างกันแค่ไหน? จากกระแสความนิยมที่แรงดีไม่มีตก
กระแสลงทุน cryptocurrency สินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงสกุลเงินดิจิทัลตัวแรกของโลกอย่าง Bitcoin ที่เปิดซื้อขายมาครบ 12 ปีเต็มไปเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา คงไม่มีนักลงทุนที่ไม่รู้จักอีกต่อไป และยังคงรักษาแชมป์ เงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้
ซึ่ง 5 อันดับเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุน ได้แก่
อันดับ | เงินดิจิทัล | Price (หน่วย:USD) | Market Cap (หน่วย:ดอลลาร์สหรัฐ) |
1. | Bitcoin (ฺBTC) | 55,654 | 1 ล้านล้าน |
2. | Ethereum (ETH) | 3,880 | 4 แสนล้าน |
3. | Binance Coin (BNB) | 640 | 9.9 หมื่นล้าน |
4. | Dogecoin (DOGE) | 0.46 | 6 หมื่นล้าน |
5. | Tether (USDT) | 1 .00 | 5.6 หมื่นล้าน |
ที่มา: Zipmex
โดยเอกราช ศรีศุภวิชากิจ Head of Risk Management & Research Specialist Zipmex เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีนักลงทุนหน้าใหม่เข้าตลาดจำนวนมาก ทั้งนักลงทุนรายย่อย รายใหญ่ รายสถาบัน หรือผู้ประกอบการ ซึ่งเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ยังเป็น Bitcoin หรือ BTC รองลงมาคือ Ethereum หรือ ETH
ตั้งแต่ Bitcoin ได้ถือกำเนิดขึ้นบนโลก เราคงจะได้เห็นการเติบโตของมันที่เป็นวัฎจักร เช่นการพุ่งขึ้นของราคา, ร่วง, เริ่มนิ่ง, และเติบโตจนทำ new high อีกรอบ แต่ก็ยังมีความผันผวนที่สูง จากที่ผ่านมาเราเคยได้เห็น Bitcoin ที่เป็นขาขึ้นในปี 2017 ต่อมาปี 2018 ก็มาเป็นขาลง, ปี 2019 ที่เป็นช่วง sideway, และปี 2020 ที่เป็นช่วงขาขึ้นอีกครั้ง ซึ่งในทางเทคนิคแล้ว เราเรียกมันว่า ปรากฏการณ์ Bitcoin halving หรือเมื่อมีการลดจำนวน supply ในแต่ละครั้งทุก ๆ 4 ปี ราคาก็มักจะทำ new high ในวัฎจักรรอบถัดไปพอดี ด้วยการที่จำนวนอุปทานที่น้อยลง สวนทางกับอุปสงค์ที่เพิ่มมากขึ้น จึงเป็นตัวที่ทำให้เกิดกลไกด้านราคา
แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วจะมีปัจจัยสำคัญหลักๆที่ทำให้ Bitcoin ปรับตัวขึ้นสูงในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีอยู่ 3 ปัจจัย ที่ Zipmex ได้เคยวิเคราะห์ไว้ ได้แก่
1.ปรากฎการณ์ Halving
ทุกสินทรัพย์บนโลกไม่ว่าจะมีสินทรัพย์หรือสิ่งมีค่าอื่นแบ็คอัพหรือไม่นั้น การขึ้นลงของราคาล้วนแล้วแต่มาจากเรื่องของ Demand & Supply ทั้งสิ้น ในอัลกอริทึมของ Bitcoin จะมีสิ่งที่เรียกว่า Halving พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ทุกๆ 4 ปีโดยประมาณ การขุด Bitcoin ของเหล่านักขุดทั้งหลายจะได้รับรางวัลหรือ (Block Reward) ลดลงครึ่งหนึ่ง ในขณะที่จำนวนทั้งหมดของมันคือ 21 ล้านBTC นั่นหมายความว่า Supply จะลดลงเรื่อยๆในอนาคต สวนทางกับความต้องการและการยอมรับที่มากขึ้น
2.ปรากฏการณ์ Mass Adoption
ในช่วงแรกที่ Bitcoin ถือกำเนิดขึ้น มีเพียงคนกลุ่มเล็กๆเท่านั้นที่สนใจ และคนกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ “เชื่อมั่น” ใน Bitcoin มากขนาดนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังอย่าง Blockchain รวมถึงคุณสมบัติของตัวมันเอง ได้สร้างความสนใจและสร้างความเชื่อมั่นในวงกว้าง จากเงินของเล่น ก็เริ่มมีคนนำมาแลกเปลี่ยนกัน ต่อมาก็มีการนำไปใช้ในโลกสีเทา(เป็นธรรมดาของทุกสินทรัพย์ที่เพิ่งถือกำเนิด)แล้วช่วงนี้ก็เริ่มมีการพูดถึงว่ามันคือ E-Gold หรือทองคำอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่มีใครสามารถแทรกแซงได้ พัฒนาการด้านความเชื่อมั่นแบบนี้ แสดงถึงการที่ผู้คนเริ่มให้การยอมรับมากขึ้น เปิดใจมากขึ้น ถือครองมากขึ้น บางเวลาก็มีคนมาเก็งกำไรจนราคาพุ่งขึ้นแรงจนเกินพอดี เป็นปรากฎการณ์ Mass Adoption เช่นทุกวันนี้
3.ปรากฎการณ์ Institutional Investment
ในปี 2020 ที่ผ่านมานักลงทุนสถาบันหันมาสนใจถือครอง Bitcoin กันมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เช่น MicroStrategy(ถือหุ้นโดย Morgan Stanley ,The Vanguard Group ,BlackRock Fund Advisors) และ Grayscale ไปจนถึง JPMorgan และ Goldman Sachs ซึ่งยังไม่นับสถาบันขนาดเล็กแห่งอื่นล่าสุดเทสลา (Tesla) บริษัทรถไฟฟ้าของอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ประกาศกว้านซื้อ Bitcoin เป็นมูลค่า 1,500 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.4 หมื่นล้านบาท ทำให้ราคาของ Bitcoin ขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนหลายคนเกิดความกังวลว่าสูงเกินไปรึเปล่า มีอะไรมารองรับปัจจัยพื้นฐานของมันหรือไม่ แต่อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่าสินทรัพย์ทุกชนิดมีความแตกต่างกัน บางชนิดมีกระแสเงินสด บางชนิดไม่มี การจะประเมิน “ปัจจัยพื้นฐาน” ของมันก็มักจะแตกต่างกันด้วย เช่น ทองคำ สินค้าเกษตร หรือแม้กระทั่งภาพเขียน นอกจากนั้นในตลาดฟิวเจอร์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคา Bitcoin ก็ยังเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยยะ ที่เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าและมีมูลค่าสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย
และเมื่อย้อนไปดูราคา Bitcoin ในช่วงที่มีสถานการณ์โควิด-19 อยู่ด้วย ก็พบว่าราคายังคงไต่ระดับขึ้นไปได้เรื่อยๆ โดยพบว่าในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในรอบแรก ราคาเฉลี่ยของ Bitcoin อยู่ที่ 280,000 บาท และในช่วงโควิด-19 ระลอกที่ 2 ราคาเฉลี่ย อยู่ที่ 340,000 บาท และ ในระลอกที่ 3 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,020,000 บาท แม้ว่าในช่วงเช้าที่ผ่านมาราคาอาจจะร่วงลง และเป็นราคาที่ปรับลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ที่ลดลงต่ำกว่าระดับ 3 หมื่นดอลลาร์ต่อบิตคอยน์ เคลื่อนไหวในระดับ 29,670 ดอลลาร์ต่อบิตคอยน์ หรือปรับลดลงมาแล้วราว 20% หลังจากที่เพิ่งปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 42,730 ดอลลาร์ต่อบิตคอยน์เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา
ช่วงการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส 2019 (โควิด-19) | ราคาเฉลี่ย (บาท) |
โควิด-19 ระลอก 1 | 280,000 บาท |
โควิด-19 ระลอก 2 | 340,000 บาท |
โควิด-19 ระลอก3 (ปัจจุบัน) | 1,020,000 บาท |
ที่มา: Zipmex
ภาพประกอบ : Zipmex.com
อย่างไรก็ตาม จากจำนวนนักลงทุนหน้าใหม่ โดยเฉพาะรายย่อยที่เข้ามาเล่นในตลาดนี้เพิ่มขึ้น อาจจะสะท้อนได้ว่า สถานการณ์โควิดถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่เร่งตัวหรือทำให้หลายคนหันมาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล อาจจะเพื่อเป็นหลักประกันในด้านสินทรัพย์ ผลตอบแทนที่ดึงดูดใจใดๆก็ตาม ขณะเดียวกันนักลงทุนส่วนใหญ่ก็เปิดใจมีมุมมองเชิงบวกกับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้นและความเคลื่อนไหวใหม่ๆ จากผู้เชี่ยวชาญ นักลงทุน สถาบันทางการเงิน บริษัทมหาชน ที่หันมาสนใจในตลาดนี้มากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ Bitcoin เป็นที่ยอมรับและไม่น่ากลัวอย่างที่คิด และนอกเหนือจากนั้นยังเป็นการเปิดโอกาสให้เทคโนโลยีกลุ่มการเงิน (Financial Technology: FinTech) พัฒนาอย่างรวดเร็ว กระตุ้นให้ผู้คนปรับตัวกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมตลาด Bitcoin จึงเป็นตลาดเงินดิจิทัลที่ใหญ่ระดับโลก