วิวาห์ประวัติศาสตร์ เมื่อ 'ทักษิณ-พิธา' มาพบกัน สะท้อนอะไร?
งานวิวาห์สุดยิ่งใหญ่! ทักษิณ-พิธา พบกันครั้งประวัติศาสตร์ พร้อมเปิดใจถึงอนาคตการเมืองไทย
จุดเปลี่ยนการเมืองไทย? เมื่องานมงคลสมรสนำพา 'ทักษิณ-พิธา' มาพบกัน
บรรยากาศอบอุ่นในค่ำคืนวันที่ 10 มกราคม 2568 ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ กรุงเทพฯ ไม่ใช่แค่งานฉลองมงคลสมรสธรรมดา แต่เป็นจุดนัดพบครั้งสำคัญของสองแกนนำการเมืองไทย "ทักษิณ ชินวัตร" และ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ในโอกาสที่ "นายธนาธร โล่ห์สุนทร" สส.ลำปาง เขต 2 พรรคเพื่อไทย เข้าพิธีวิวาห์กับ "น.ส.รภัสสรณ์ นิยะโมสถ" สส.ลำปาง เขต 4 พรรคประชาชน
งานนี้มีแขกผู้มีเกียรติจากวงการการเมืองมาร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี
จุดเด่นของงานอยู่ที่การพบกันครั้งแรกระหว่าง "ทักษิณ" และ "พิธา" เมื่อ "พิธา" เดินเข้ามาทักทายด้วยท่าทีเป็นมิตร "ทักษิณ" ได้เปิดใจถึงความรู้สึกหลังกลับสู่เมืองไทยว่า การห่างหายไป 17 ปีทำให้รู้สึกเหงา และมีความปรารถนาที่จะกลับมาช่วยเหลือประเทศ แก้ไขปัญหา และสร้างประโยชน์ให้แผ่นดินเกิด "พิธา" ตอบรับด้วยความห่วงใย พร้อมกล่าวให้อดีตนายกรัฐมนตรีดูแลสุขภาพ
ในฐานะประธานในพิธีฝ่ายเจ้าบ่าว "ทักษิณ" ได้กล่าวอวยพรที่แฝงแง่คิดทางการเมืองอย่างน่าสนใจ เขามองว่าการแต่งงานข้ามพรรคครั้งนี้เป็นสัญญาณที่ดีของบ้านเมือง และเชื่อว่าเมื่อพรรคการเมืองมีอุดมการณ์ที่สอดคล้องกัน การร่วมรัฐบาลก็เป็นไปได้ พร้อมทั้งสร้างเสียงหัวเราะให้ผู้ร่วมงานด้วยการเล่าถึงหลักการ "แต่งเข้า ไม่แต่งออก" ที่ใช้กับครอบครัวและพรรคเพื่อไทย
"ทักษิณ" ยังเน้นย้ำว่าในยุคที่โลกและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความสามัคคีเป็นสิ่งจำเป็น การที่ สส. ต่างพรรคสามารถแต่งงานกันได้จึงเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับอนาคตทางการเมืองไทย
ด้าน "พิธา" ในฐานะประธานฝ่ายเจ้าสาว ก็ได้สร้างสีสันด้วยการพูดติดตลกถึงสถานะโสดของตนเอง เล่าว่าไม่เข้าใจเหมือนกันที่พรรคเลือกให้หัวหน้าที่ยังโสดมาเป็นประธาน ทั้งที่มีหัวหน้าให้เลือกถึง 4 คน และยังเกือบจะไปแย่งช่อดอกไม้กับคนอื่นด้วย
"พิธา" ยังได้แสดงความประทับใจในตัวเจ้าสาวจากประสบการณ์การทำงานร่วมกันในพื้นที่ลำปาง ทั้งในประเด็นโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะและการดูแลผู้ป่วยติดเตียง รวมถึงการเข้าถึงผู้สูงอายุในพื้นที่ และความอ่อนโยนที่มีต่อเด็กๆ ทำให้เชื่อมั่นว่าเธอจะสามารถทำหน้าที่ทั้งในฐานะภรรยา แม่ และผู้แทนราษฎรได้อย่างสมบูรณ์
บรรยากาศแห่งมิตรภาพยังขยายวงกว้างขึ้นเมื่อ "ทักษิณ" ได้พูดคุยกับ "น.ส.พรรณิการ์ วานิช" แกนนำคณะก้าวหน้า ถึงความสัมพันธ์แบบรุ่นพี่รุ่นน้องระหว่าง "น.ส.พรรณิการ์" กับ "น.ส.แพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งแซวอย่างสนุกสนานว่าทั้งคู่มีหน้าตาคล้ายกัน
หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า การพบกันครั้งประวัติศาสตร์นี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างพรรคการเมืองหรือไม่? แนวคิดเรื่อง "ความสามัคคี" ที่ "ทักษิณ" พูดถึงจะขยายผลไปสู่การทำงานร่วมกันระหว่างพรรคการเมืองในอนาคตอย่างไร? และการแต่งงานข้ามพรรคครั้งนี้จะเป็นต้นแบบของการลดช่องว่างทางความคิดในสังคมการเมืองไทยได้หรือไม่?
งานมงคลสมรสครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นการเฉลิมฉลองความรักของคู่บ่าวสาวเท่านั้น แต่ยังเปิดมิติใหม่ทางการเมืองที่แสดงให้เห็นว่า ความแตกต่างทางความคิดและอุดมการณ์ไม่ใช่กำแพงขวางกั้นการทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ของประชาชน ดังที่ "พิธา" กล่าวไว้อย่างน่าคิดว่า "แม้จะต่างพรรค คนละเขตกันก็ทำงานให้กับพี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างดี"
ภาพ พรรคเพื่อไทย
ข่าวแนะนำ