TNN ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2567 และแนวโน้มถึงปี 2568

TNN

TNN Exclusive

ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2567 และแนวโน้มถึงปี 2568

ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2567 และแนวโน้มถึงปี 2568

ย้อนมองเศรษฐกิจไทยปี 2567 ปีแห่งการฟื้นตัวท่ามกลางความท้าทาย สู่ความหวังใหม่ในปี 2568

เศรษฐกิจไทย 2567: ก้าวผ่านความท้าทาย มุ่งสู่การเติบโตที่ยั่งยืน


ณ จุดเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจไทยปี 2567 เราได้เห็นภาพของ "การปรับตัวครั้งสำคัญ" ท่ามกลางความท้าทายที่ซับซ้อน ทั้ง (วิกฤตหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงถึง 86% ของ GDP) (ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างมหาอำนาจ) และ (ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ที่กดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ในขณะเดียวกัน "แสงแห่งความหวัง" ก็เริ่มฉายชัด ด้วยการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของภาคการท่องเที่ยวที่สร้างรายได้มหาศาลกว่า 1.69 ล้านล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจไทย


เมื่อก้าวสู่ปี 2568 "โอกาสและความท้าทายใหม่" กำลังรอการเติบโตที่คาดการณ์ที่ 2.9-3.4% พร้อมด้วย "ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ" ทั้งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ การพัฒนาเขต EEC และการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มทะลุ 39 ล้านคน บทความนี้จะพาท่านสำรวจ "เส้นทางการฟื้นตัว" ของเศรษฐกิจไทย วิเคราะห์บทเรียนสำคัญจากปี 2567 และมองไปถึงโอกาสการเติบโตในปี 2568 ที่จะนำพาประเทศไทยสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน



เศรษฐกิจไทยปี 67 ฟื้นตัว! ท่องเที่ยว-ส่งออก แรงขับเคลื่อนหลัก


จากรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อมองย้อนกลับไปตลอดปี 2567 เศรษฐกิจไทยได้ผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ จากสภาวะซบเซาสู่การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดย "ภาคการท่องเที่ยว" ถือเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่โดดเด่นที่สุด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทะลุเป้าถึง 36 ล้านคน สร้างรายได้มหาศาลกว่า 1.69 ล้านล้านบาท


ภาคการส่งออกของไทยกำลังส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น แม้เศรษฐกิจโลกจะยังมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าสำคัญ ได้แก่ "สินค้าเกษตรและอาหารแปรรูป" ที่ได้รับอานิสงส์จากความมั่นคงทางอาหาร "อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน" ที่ตอบรับกระแสการพัฒนาเทคโนโลยี และ "อุตสาหกรรมยานยนต์" ที่ได้รับแรงหนุนจากนโยบายส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า โดยตลาดสำคัญอย่างสหรัฐฯ และจีนเริ่มมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความสามารถในการปรับตัวของผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลก


การลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานยังคงเป็น "กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ" โดยเฉพาะ "โครงการรถไฟทางคู่" ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งระหว่างภูมิภาค "การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในเขตเมือง" ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและลดต้นทุนการเดินทาง และ "โครงการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน" ที่จะช่วยกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค โดยคาดว่าอัตราการเบิกจ่ายงบประมาณจะทำได้ถึง 90% ซึ่งจะช่วยสร้างงานและกระตุ้นการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในวงกว้าง


3 ปัจจัยเสี่ยง! ที่เศรษฐกิจไทยต้องรับมือ


อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับ "ความท้าทายเชิงโครงสร้าง" ที่สำคัญ 3 ประการ ประการแรกคือ "วิกฤตหนี้ครัวเรือน" ที่พุ่งสูงถึง 86% ของ GDP ซึ่งนับเป็นระดับที่น่ากังวล เนื่องจากส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร ประการที่สองคือ "ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์" โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และจีน ที่ส่งผลต่อการเจรจาการค้า การลงทุน และห่วงโซ่อุปทานโลก และประการที่สามคือ "วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทั้งปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง และภัยธรรมชาติอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมและความมั่นคงทางอาหารของประเทศ


เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งผลักดัน "มาตรการเชิงรุก" ในหลายมิติ ประการแรก "การลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม" โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีศักยภาพสูง เช่น "พลังงานสะอาด" "เทคโนโลยีชีวภาพ" และ "เศรษฐกิจดิจิทัล" ซึ่งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ประการที่สอง "การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน" ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้อย่างเป็นระบบ การให้ความรู้ทางการเงิน และการสร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน และประการที่สาม "การพัฒนาทุนมนุษย์" ทั้งการปฏิรูปการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน การพัฒนาทักษะแรงงานให้รองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และการสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่


อนาคตเศรษฐกิจไทย 2568: ปีแห่งการฟื้นตัวและความท้าทาย


 เศรษฐกิจไทยในปี 2568 กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการฟื้นตัว โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์การเติบโตที่ 2.9-3.4% ขับเคลื่อนด้วย "แรงหนุนสำคัญ" จากภาคการท่องเที่ยวที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ถึง 39 ล้านคน สร้างรายได้หมุนเวียนในระบบกว่า 2 ล้านล้านบาท ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เผยการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น พร้อมกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่จะเป็น "ตัวเร่งการเติบโต" ในระยะยาว


บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) คาดการณ์ "ราคาทองคำ" ในปี 2568 มีโอกาสพุ่งแตะ 50,000 บาทต่อบาททองคำ หลังจากธนาคารกลางจีน (People's Bank of China: PBOC) กลับมาซื้อทองคำอีกครั้งที่ระดับ 1.6 แสนทรอยออนซ์ ส่งผลให้มีทองคำสะสมอยู่ที่ 72.96 ล้านทรอยออนซ์ นอกจากนี้ "ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์" โดยเฉพาะสถานการณ์ในตะวันออกกลางและนโยบายกีดกันการค้าที่อาจเกิดขึ้น ยิ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ทองคำเป็นที่ต้องการในฐานะ "สินทรัพย์ปลอดภัย"


อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตือนถึง "ความท้าทายสำคัญ" ที่ต้องเฝ้าระวัง ทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ความเสี่ยงจากความขัดแย้งระหว่างประเทศที่อาจกระทบการค้าการลงทุน และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อาจส่งผลต่อภาคเกษตร ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันเตรียมพร้อมรับมือและวางแผนแก้ไขอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน




ภาพ Freepik 

อ้างอิง 

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์)

Economic Outlook 2024 ศูนย์วิจัยกรุงศรี

คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า 

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง