คดีดิไอคอนล่าสุด: ก้าวย่างความคืบหน้าและกระบวนการยุติธรรม
คดีดิไอคอนล่าสุด: กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับโอนสำนวนคดีจากตำรวจ หลังพบผู้เสียหายกว่า 9,472 ราย มูลค่าความเสียหายเกือบ 3,000 ล้านบาท เจ้าหน้าที่เดินหน้าตรวจสอบหลักฐานเพื่อเร่งดำเนินคดีและออกหมายจับเพิ่มเติม พร้อมการอายัดทรัพย์สินเพื่อเยียวยาผู้เสียหาย
ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2567 คดีของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นคดีฉ้อโกงประชาชนผ่านการชักชวนให้ลงทุนซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่มีผู้เสียหายจำนวนมากได้รับการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการย้ายสำนวนคดีจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ
ลำดับเหตุการณ์สำคัญและการสืบสวนที่เข้มข้น
เรื่องราวเริ่มต้นในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2567 เมื่อตำรวจได้รับการร้องเรียนจากประชาชนหลายพันคนที่อ้างว่าถูกบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ชักชวนลงทุนซื้อสินค้าออนไลน์ แต่ไม่ได้รับสินค้าหรือผลตอบแทนตามที่ตกลงไว้ กรณีดังกล่าวจึงกลายเป็นที่สนใจ เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก รวมถึงมีการพัวพันกับบุคคลมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงหลายคนซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งพรีเซ็นเตอร์และผู้บริหารในองค์กร โดยผู้เสียหายหลายรายได้ให้การว่าบริษัทมีการส่งเสริมให้ผู้ลงทุนเปิดบิลสั่งซื้อสินค้าในราคาสูงเพื่อรับผลตอบแทนที่ไม่เกิดขึ้นจริง
จากนั้น ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์เพื่อรับแจ้งจากผู้เสียหายซึ่งทยอยเข้าร้องทุกข์ โดยยอดสะสมของผู้เสียหายที่เข้าให้การถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2567 อยู่ที่ 9,472 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2,918 ล้านบาท
กระบวนการตรวจสอบและโอนคดีไปยังดีเอสไอ
วันนี้ (29 ตุลาคม 2567) พล.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการกองปราบปราม พร้อมด้วย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ เดินทางไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อหารือและพิจารณาคดี โดยส่งมอบสำนวนคดีและหลักฐานจำนวน 92,289 แผ่น ให้ดีเอสไอพิจารณาว่าคดีนี้จะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 หรือไม่ การประชุมวันนี้ได้รับการจัดขึ้นเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และวางแผนการดำเนินคดีต่อไป
การประชุมและขั้นตอนพิจารณาของดีเอสไอ
ในการประชุมร่วมกัน ทางดีเอสไอได้ตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการรับคดี โดยนายวิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการ พร้อมทีมสืบสวนสอบสวนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มาร่วมในการพิจารณา ทางดีเอสไอมีแผนที่จะเร่งตรวจสอบหลักฐานเบื้องต้นและประสานงานกับตำรวจเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมในการสืบสวน โดยมีเป้าหมายให้คดีดำเนินไปอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม เนื่องจากคดีนี้มีความสำคัญที่ต้องการการสอบสวนที่รัดกุมและต่อเนื่อง
การออกหมายจับและขั้นตอนทางกฎหมาย
ในกระบวนการดำเนินคดี ทางตำรวจได้ออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ ซึ่งรวมถึงบุคคลที่เป็นผู้บริหารของบริษัทและพรีเซ็นเตอร์ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะผู้ชักชวนให้ประชาชนลงทุนซื้อสินค้า โดยในวันที่ 16 ตุลาคม ศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา 18 คนในข้อหาฉ้อโกงประชาชนและนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งหลังจากนั้นตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 18 คนได้ และส่งตัวไปยังเรือนจำกลางคลองเปรมเพื่อคุมขัง
ทรัพย์สินที่ยึดไว้เป็นหลักฐาน
ในส่วนของทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการอายัดทรัพย์สินรวมมูลค่าประมาณ 225 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงรถยนต์หรู 29 คัน บ้านและที่ดิน 3 แปลง เงินสดจำนวน 7,524,000 บาท รวมถึงสินค้าหรูแบรนด์เนมและนาฬิกาอีก 151 รายการ โดยทรัพย์สินเหล่านี้ถูกยึดเพื่อใช้เป็นหลักฐานและค้ำประกันต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อประชาชน
ความสำคัญของการพิจารณาเป็นคดีพิเศษและความคาดหวังจากประชาชน
การที่ดีเอสไอรับเรื่องนี้และพิจารณาในฐานะคดีพิเศษสะท้อนถึงความสำคัญของคดีดิไอคอน เนื่องจากไม่ใช่เพียงกรณีฉ้อโกงธรรมดา แต่เป็นคดีที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างและพัวพันกับคนมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่มุ่งมั่นที่จะให้กระบวนการยุติธรรมเป็นไปอย่างรอบคอบและรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสาธารณะในกระบวนการยุติธรรมของไทย
ภาพ DSI
https://www.dsi.go.th/th/Detail/c5e2836637b2ec57fe3bc6729d9208c3
ข่าวแนะนำ