ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค: มรดกวัฒนธรรมไทยที่ทรงคุณค่า
กองทัพเรือจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐิน
กรุงเทพฯ - วันนี้ (27 ตุลาคม 2567) กองทัพเรือจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคครั้งประวัติศาสตร์ เนื่องในพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร โอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
รายละเอียดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค
ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคครั้งนี้ประกอบด้วยเรือพระราชพิธี 52 ลำ จัดเป็น 5 ริ้วขบวน มีความยาว 1,200 เมตร กว้าง 90 เมตร ใช้กำลังพลประจำเรือรวม 2,200 นาย โดยมีเรือพระที่นั่งสำคัญ 4 ลำ ดังนี้
1. เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์
- เรือพระที่นั่งชั้นสูงสุด สำหรับพระมหากษัตริย์และพระบรมราชินี
- ยาว 44.90 เมตร กว้าง 7.17 เมตร
- ใช้กำลังพล 71 นาย
2. เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์
- เรือพระที่นั่งรอง สร้างในรัชกาลที่ 5
- ยาว 45.67 เมตร กว้าง 2.91 เมตร
- ใช้กำลังพล 82 นาย
3. เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช
- ใช้ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญหรือผ้าพระกฐิน
- ยาว 44.85 เมตร กว้าง 2.58 เมตร
- ใช้กำลังพล 72 นาย
เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9
- สร้างขึ้นในวโรกาสพระราชพิธีกาญจนาภิเษก
- ยาว 44.30 เมตร กว้าง 3.20 เมตร
- ใช้กำลังพล 71 นาย
การเตรียมความพร้อม
กรมศิลปากร โดยสำนักช่างสิบหมู่ ได้ดำเนินการอนุรักษ์เรือพระราชพิธีมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 ด้วยการลงรักปิดทอง ประดับกระจก และตกแต่งลวดลาย โดยรักษารูปแบบศิลปะดั้งเดิม
กองทัพเรือได้ฝึกซ้อมฝีพายให้พร้อมเพรียง พัฒนาท่าพายตามแบบโบราณราชประเพณีผสมผสานเทคนิคสมัยใหม่ เช่น การใช้เส้นเอ็นกำหนดมาตรฐานการยกพาย 45 องศา
ความสำคัญของพระราชพิธี
ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเป็นประเพณีที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย และได้รับการพัฒนาอย่างมากในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยเฉพาะในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่มีการจัดขบวนพยุหยาตราเพชรพวงใช้เรือถึง 113 ลำ
ในรัชกาลปัจจุบัน มีการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคครั้งสำคัญล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2562 เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระราชพิธีในวันนี้จึงนับเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของชาติไทย ที่แสดงให้เห็นถึงพระราชพิธีอันงดงามและภูมิปัญญาของช่างไทยที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณกาล
ข่าวแนะนำ