
ซอฟต์พาวเวอร์ไทย ก้าวกระโดดสู่มหาอำนาจทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์
"ตอนนี้คือเวลาของเราประเทศไทย" ถ้อยแถลงอันทรงพลังจากนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ในงานเสวนา Global Soft Power Talks: The New Rules of Soft Power เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 แสดงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นมหาอำนาจด้านซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลก
การประกาศวิสัยทัศน์ครั้งนี้มาพร้อมกับแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนและครอบคลุม แสดงความพร้อมของรัฐบาลในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่ จากการพึ่งพาการผลิตและเกษตรกรรมแบบดั้งเดิม สู่การขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมทางวัฒนธรรม การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้จะเป็นการวางรากฐานใหม่ให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
ความโดดเด่นของนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ภายใต้การนำของรัฐบาลชุดนี้อยู่ที่การมองเห็นศักยภาพของ "พลังละมุน" ในฐานะเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ทรงพลัง ไม่เพียงเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์หรืออิทธิพลทางวัฒนธรรมเท่านั้น แต่มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการสร้างงาน กระตุ้นการลงทุน และขยายโอกาสทางธุรกิจในระดับนานาชาติ
การจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ พร้อมกำหนด 13 อุตสาหกรรมหลัก เป็นการแสดงวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ของรัฐบาล อุตสาหกรรมเป้าหมายที่ครอบคลุมตั้งแต่การท่องเที่ยว อาหาร ภาพยนตร์ แฟชั่น เทศกาล กีฬา ดนตรี ศิลปะ การออกแบบ เกม วรรณกรรม เวลเนส และศิลปะการแสดง แสดงการวางแผนที่รอบด้านและการเล็งเห็นโอกาสในการพัฒนาอย่างครบวงจร
โครงการ "1 ครอบครัว 1 ซอฟท์พาวเวอร์" (One Family One Soft Power: OFOS) นับเป็นนวัตกรรมเชิงนโยบายที่โดดเด่น ด้วยเป้าหมายการพัฒนาทักษะประชาชนกว่า 20 ล้านคนภายในปี 2570 ผ่านหลักสูตรฟรีเกือบ 100 หลักสูตร แสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนาทุนมนุษย์อย่างทั่วถึงและเป็นระบบ การลงทุนในการพัฒนาทักษะครั้งใหญ่นี้จะเป็นการวางรากฐานสำคัญสำหรับการเติบโตในระยะยาว
ในด้านอุตสาหกรรมอาหาร รัฐบาลได้วางยุทธศาสตร์การยกระดับอาหารไทยอย่างชาญฉลาด จากการเป็น "ครัวของโลก" สู่การเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ผสานความเป็นเลิศด้านการทำอาหาร (gastronomy) เข้ากับแนวคิดด้านความยั่งยืนและสุขภาพ (wellness) การนำเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง AI และบล็อคเชนมาใช้ในห่วงโซ่อุปทานเป็นการผสานนวัตกรรมเข้ากับภูมิปัญญาดั้งเดิม

สรุปข่าว
ความโดดเด่นอีกประการหนึ่งคือการผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ระดับโลก ด้วยการผสานจุดแข็งของการแพทย์แผนไทยเข้ากับการแพทย์สมัยใหม่ พร้อมนำเสนอบริการคุณภาพสูงในราคาที่แข่งขันได้ ยุทธศาสตร์นี้ไม่เพียงสร้างรายได้ให้ประเทศ แต่ยังเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ของไทยในฐานะผู้นำด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
การจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (Thailand Creative Culture Agency: THACCA) เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ หน่วยงานนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมประสานระหว่างภาครัฐ เอกชน และนักลงทุนนานาชาติ เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด
รัฐบาลยังแสดงวิสัยทัศน์ในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ด้วยการประกาศนโยบายเปิดกว้างสำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศ เชิญชวนให้นักลงทุนและพันธมิตรจากทั่วโลกเข้ามาร่วมกำหนดอนาคตของซอฟต์พาวเวอร์ไทย การเปิดกว้างนี้จะช่วยเร่งการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยสู่มาตรฐานสากล
อุตสาหกรรมบันเทิงของไทย ทั้งภาพยนตร์ ดนตรี และศิลปะการแสดง กำลังได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาล เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดความบันเทิงระดับภูมิภาคและระดับโลก ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมเกมก็ได้รับการผลักดันให้เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ผ่านการพัฒนาบุคลากรและการสนับสนุนผู้ประกอบการ
การประกาศว่า "ตอนนี้คือเวลาของเรา" จึงไม่ใช่เพียงคำขวัญ แต่เป็นการประกาศความพร้อมของประเทศไทยภายใต้การนำของรัฐบาลชุดนี้ ในการก้าวสู่การเป็นมหาอำนาจด้านซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลก ด้วยการผสานจุดแข็งด้านวัฒนธรรมดั้งเดิมเข้ากับนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ การลงทุนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างทั่วถึง และการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
ภายใต้วิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของรัฐบาลชุดนี้ ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านซอฟต์พาวเวอร์และเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างแท้จริง การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ไม่เพียงจะสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ยังจะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและเสริมสร้างบทบาทของไทยบนเวทีโลกอย่างยั่งยืน
ที่มาข้อมูล : TNN เรียบเรียง
ที่มารูปภาพ : รัฐบาลไทย