ลาว-ไทย จับมือ! "นายก" นำทัพ แก้ 3 วิกฤต หมอกควัน PM 2.5 พุ่ง
"นายกฯ อิ้งค์ เดินหน้าแก้ปัญหาไทย-ลาว: ขจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หมอกควัน และยุติยาเสพติดข้ามชาติ"
นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร หรือ "อิ้งค์" เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) อย่างเป็นทางการ เพื่อหารือกับนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เกี่ยวกับปัญหาสำคัญระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ปัญหาหมอกควัน และปัญหายาเสพติดระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทั้งสองประเทศ
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ: ภัยร้ายที่คุกคามประชาชน
ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่นายกรัฐมนตรีให้ความสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากสถิติล่าสุดระบุว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหานี้อย่างหนัก โดยในช่วงระหว่างปี 2565 ถึง 2567 มีรายงานการหลอกลวงมากกว่า 463,000 กรณี นอกจากนี้ ในปี 2566 คนไทยได้รับการโทรและ SMS หลอกลวงมากถึง 78.8 ล้านครั้ง ซึ่งเพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนหน้า
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการจัดตั้งคณะทำงานปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และ online scams ตามแนวชายแดนไทย-สปป. ลาว และให้มีการประชุมอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาให้คืบหน้าเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
หมอกควันข้ามแดน: มลพิษที่ไม่รู้จักพรมแดน
ปัญหาหมอกควันเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อทั้งไทยและลาว โดยเฉพาะในภาคเหนือของไทย เช่น จังหวัดเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงต้นปีจากการเผาป่าและพื้นที่เกษตรกรรม สถิติจากกรมควบคุมมลพิษพบว่าระดับฝุ่นละออง PM2.5 มักจะเกินค่ามาตรฐานในช่วงฤดูแล้ง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างมาก
นายกรัฐมนตรีได้แสดงความยินดีที่ในเดือนตุลาคมนี้จะมีการเปิดตัวแผนปฏิบัติการภายใต้ CLEAR Sky Strategy ระหว่างไทย สปป. ลาว และเมียนมา นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลและระบบเตือนภัยล่วงหน้าเกี่ยวกับคุณภาพอากาศและสภาพภูมิอากาศของทั้งสามประเทศเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือกับปัญหาหมอกควันข้ามแดน
ยาเสพติดระหว่างชาติ: ภัยคุกคามความมั่นคง
ปัญหายาเสพติดข้ามชาติเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ไทยและลาวต้องร่วมมือกันแก้ไข โดยประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของปัญหายาเสพติดข้ามชาติ โดยเฉพาะการลักลอบขนส่งยาบ้าจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์และลาว ข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่ามีการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดข้ามชาติและยึดของกลางมูลค่าสูงถึงหลายพันล้านบาทในแต่ละปี
นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการจัดประชุมระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดกับเจ้าแขวงชายแดน และหน่วยงานในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศในต้นปีหน้า เพื่อติดตามและขับเคลื่อนการดำเนินการตามกรอบแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามชายแดน นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการขยายผลเพื่อจับกุมและดำเนินคดีกับกลุ่มอาชญากรรมที่อยู่เบื้องหลัง รวมถึงการช่วยเหลือและส่งกลับผู้ที่ถูกหลอกลวงไปทำงานในเครือข่ายยาเสพติด
บทสรุป: ความร่วมมือเพื่ออนาคตที่ดีกว่า
การเยือน สปป.ลาว ของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาสำคัญระหว่างประเทศ โดยเฉพาะปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ปัญหาหมอกควัน และปัญหายาเสพติดระหว่างประเทศ ซึ่งล้วนเป็นปัญหาที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศในการแก้ไข
การประชุมครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและลาวเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับการแก้ไขปัญหาร่วมกันในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลดีต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ และนำไปสู่การพัฒนาภูมิภาคอย่างยั่งยืนในอนาคต
ข่าวแนะนำ