น้ำเหนือมาแล้ว! เขื่อนเจ้าพระยาเร่งระบาย หลายจว.เตรียมรับมือน้ำท่วม
น้ำเหนือไหลหลาก เขื่อนเจ้าพระยาเร่งระบาย 2,000 ลบ.ม./วินาที ส่งผลกระทบหลายจังหวัดภาคกลาง ประชาชนและหน่วยงานเร่งเตรียมรับมือ เฝ้าระวังน้ำท่วมพื้นที่เสี่ยง
สถานการณ์น้ำในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาเริ่มน่าวิตกอีกครั้ง เมื่อปริมาณน้ำจากภาคเหนือไหลหลากลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เขื่อนเจ้าพระยาต้องเร่งระบายน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อรองรับมวลน้ำที่กำลังไหลมา ขณะที่หลายจังหวัดในภาคกลางเร่งเตรียมรับมือน้ำท่วม
ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
จากการรายงานของกรมชลประทาน พบว่าสถานการณ์น้ำในลุ่มเจ้าพระยาวันที่ 4 ตุลาคม 2567 เวลา 09.00 น. ที่สถานี C2 อำเภอเมืองนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,282 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 20 เซนติเมตร แต่ยังต่ำกว่าตลิ่งอยู่ 2.18 เมตร ส่วนที่สถานี C13 เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,999 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 31 เซนติเมตร แต่ยังต่ำกว่าตลิ่งอยู่ 1.84 เมตร
เขื่อนเจ้าพระยาเร่งระบายน้ำ
เนื่องจากมีปริมาณฝนตกหนักทางพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำ กรมชลประทานจึงจำเป็นต้องทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาแบบขั้นบันได ประมาณชั่วโมงละ 20 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตั้งแต่เวลา 06.00 น. จนถึงอัตราไม่เกิน 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในเวลา 09.00 น. เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่เหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน รวมทั้งสร้างพื้นที่ว่างในลำน้ำรองรับปริมาณน้ำเหนือ
พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม
การเพิ่มอัตราการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำในจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา เช่น คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และพื้นที่ริมแม่น้ำน้อยในอำเภอเสนาและอำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยคาดว่าระดับน้ำจะเพิ่มขึ้น 10-30 เซนติเมตรใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า
สถานการณ์ในจังหวัดสิงห์บุรี
ที่จังหวัดสิงห์บุรี ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยประมาณ 20 เซนติเมตร ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนที่อยู่นอกเขตพนังกั้นน้ำ โดยเฉพาะบ้านบางแคใน ถูกน้ำท่วมไปแล้วจำนวน 39 ครัวเรือน ชาวบ้านเร่งเก็บข้าวของและสร้างสะพานชั่วคราวสำหรับเดินเข้าออก ขณะที่เทศบาลเมืองสิงห์บุรีระดมกำลังเจ้าหน้าที่ช่วยกันกรอกทรายเพื่อนำมากั้นเป็นแนวป้องกันมวลน้ำไหลเข้าพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของจังหวัด
สถานการณ์ในจังหวัดอ่างทอง
ที่จังหวัดอ่างทอง ชาวบ้านในชุมชนตลาดอ่างทองช่วยกันกรอกกระสอบทราย เพื่อใช้เป็นแนวคันป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ฝั่งตะวันตกแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของจังหวัด หลังระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจนใกล้ล้นตลิ่ง ขณะเดียวกันเทศบาลเมืองอ่างทองนำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ติดตั้งเพิ่มบริเวณโรงสูบน้ำไฟฟ้าตลอดแนวริมแม่น้ำและใช้วิธีสูบน้ำออกจากพื้นที่
สถานการณ์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่ถูกน้ำท่วมจากน้ำล้นตลิ่งจำนวน 7 อำเภอ 94 ตำบล 523 หมู่บ้าน รวม 20,292 ครัวเรือน ในอำเภอผักไห่ เสนา บางบาล บางไทร พระนครศรีอยุธยา บางปะอิน และบางปะหัน โดยหากเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำระดับ 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะส่งผลให้ระดับน้ำพื้นที่ริมน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีก 1-1.50 เซนติเมตร
สถานการณ์ในจังหวัดสมุทรปราการ
ที่จังหวัดสมุทรปราการ เทศบาลเมืองพระประแดงติดตั้งเครื่องยนต์สูบน้ำขนาดใหญ่ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงช่วงวันที่ 19-21 ตุลาคมนี้ โดยก่อนหน้านี้ได้นำกระสอบทรายไปวางไว้รอบพื้นที่ตลาดเทศบาลเมืองพระประแดง ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
การเตรียมพร้อมรับมือ
ทางการได้ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังระดับน้ำอย่างใกล้ชิด ยกของขึ้นที่สูง และติดตามประกาศจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมพร้อมด้านการแพทย์ เช่นที่จังหวัดสิงห์บุรี โรงพยาบาลสิงห์บุรีได้ส่งทีมแพทย์ออกเยี่ยมผู้ป่วยและผู้สูงอายุที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมนำยารักษาโรคและอุปกรณ์จำเป็นไปมอบให้
สถานการณ์น้ำในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยายังคงน่าเป็นห่วง แม้ว่าเขื่อนเจ้าพระยาจะพยายามบริหารจัดการน้ำอย่างเต็มที่ แต่ด้วยปริมาณน้ำที่ไหลหลากลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายพื้นที่ในภาคกลางต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วม การเตรียมพร้อมรับมือและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจึงเป็นสิ่งสำคัญในการบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว
ข่าวแนะนำ