30 ก.ย. - 1 ต.ค. 67: ฝนถล่มซ้ำเติมวิกฤตน้ำท่วม?
สถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือของไทยยังคงวิกฤต มีผู้เสียชีวิตแล้ว 52 ราย และบาดเจ็บกว่า 1,700 ราย สถานการณ์น่าเป็นห่วงในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ สถานบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบ 85 แห่ง มีการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำสำคัญและลุ่มน้ำเจ้าพระยา รัฐบาลเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คาดการณ์ฝนจะเพิ่มขึ้นในช่วงวันที่ 30 ก.ย. - 1 ต.ค. 67
สถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือของไทยยังคงวิกฤต โดยล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 52 ราย และมีผู้บาดเจ็บสะสมถึง 1,722 ราย สะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของภัยพิบัติครั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 รายที่จังหวัดเชียงราย จากการสำลักน้ำและปอดติดเชื้อ นอกจากนี้ยังมีผู้สูญหายอีก 1 ราย
ปัจจุบันมี 19 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยเฉพาะในภาคเหนือ เช่น เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และแพร่ รวมถึงจังหวัดในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ซึ่งมีน้ำเอ่อล้นตลิ่งท่วมพื้นที่การเกษตรและชุมชน
ผลกระทบจากน้ำท่วมยังส่งผลต่อระบบสาธารณสุข โดยมีสถานบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบแล้ว 85 แห่ง และมี 3 แห่งที่ต้องปิดให้บริการ ได้แก่ รพ.สต.แม่ปูนล่าง จ.เชียงราย รพ.ลานนา 3 จ.เชียงใหม่ และ รพ.สต.ป่าแมต จ.แพร่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของประชาชนในพื้นที่
การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำสำคัญเป็นความท้าทายสำคัญ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เน้นการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการในลุ่มน้ำปิง วัง ยม และน่าน โดยพยายามควบคุมการระบายน้ำจากเขื่อนต่างๆ เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ อย่างไรก็ตาม เขื่อนบางแห่ง เช่น เขื่อนกิ่วคอหมา จำเป็นต้องระบายน้ำในปริมาณมาก เนื่องจากมีปริมาณน้ำเกินความจุแล้ว
ในส่วนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา กรมชลประทานได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเป็น 1,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เนื่องจากมีปริมาณน้ำจากทางเหนือไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและอ่างทอง
รัฐบาลได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า แบ่งพื้นที่รับผิดชอบ และระดมเครื่องจักร เครื่องมือ และบุคลากรเพื่อแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ยังมีการเปิดศูนย์พักพิง 131 แห่ง เพื่อรองรับผู้ประสบภัย
แนวโน้มสถานการณ์ในระยะสั้นยังคงน่าเป็นห่วง โดยคาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 30 ก.ย. - 1 ต.ค. 67 จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์น้ำท่วมยังคงยืดเยื้อและรุนแรงขึ้นได้
วิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ การวางแผนการใช้ที่ดินที่เหมาะสม และการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ภาพ Freepik
เรียบเรียงโดย ยศไกร รัตนบรรเทิง
ข่าวแนะนำ