ทุกเรื่องต้องรู้! เงินดิจิทัล 10,000 บาท คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้รับสิทธิ์
รัฐบาลเดินหน้าโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท: รายละเอียดทุกแง่มุมที่ประชาชนต้องรู้
ในช่วงกลางเดือนกันยายน 2567 รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้อนุมัติโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กับกลุ่มเปราะบาง เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2567 โครงการนี้มีรายละเอียดที่ซับซ้อนและครอบคลุมหลายด้าน ซึ่งประชาชนควรทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้
1. กลุ่มเป้าหมายและงบประมาณ
โครงการนี้แบ่งผู้รับสิทธิ์ออกเป็น 2 กลุ่มหลัก:
1.1 ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน): ประมาณ 12.40 ล้านคน
1.2 คนพิการ: ประมาณ 2.15 ล้านคน
รวมทั้งสิ้นประมาณ 14.5 ล้านคน โดยใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 145,552.40 ล้านบาท ซึ่งมาจาก 2 แหล่งหลัก:
- งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ วงเงิน 122,000 ล้านบาท
- งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินไม่เกิน 23,552.40 ล้านบาท
2. วิธีการและกำหนดการจ่ายเงิน
รัฐบาลจะเริ่มทยอยโอนเงินตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นไป โดยมีกำหนดการโอนเงินแบ่งตามวันและกลุ่มเป้าหมาย ดังนี้:
- 25 ก.ย. 67:
• กลุ่มผู้พิการทั้งหมด 2.6 ล้านคน
• ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขบัตรประชาชนลงท้ายด้วย 0
- 26 ก.ย. 67: ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขบัตรประชาชนลงท้ายด้วย 1, 2, 3
- 27 ก.ย. 67: ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขบัตรประชาชนลงท้ายด้วย 4, 5, 6, 7
- 30 ก.ย. 67: ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขบัตรประชาชนลงท้ายด้วย 8, 9
การโอนเงินจะทำผ่านระบบพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชนเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นสำหรับกรณีพิเศษ ดังนี้
- ผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปที่ไม่สามารถผูกพร้อมเพย์ได้ จะได้รับเงินผ่านบัญชีธนาคารที่ได้แจ้งความประสงค์ไว้กับสำนักงานคลังจังหวัดหรือกรมบัญชีกลาง
- สำหรับคนพิการ จะได้รับเงินผ่านช่องทางการรับเงินเบี้ยความพิการที่ได้รับข้อมูลจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร (กทม.) และเมืองพัทยา
3. การตรวจสอบสิทธิ์และการเตรียมตัวรับเงิน
ผู้ที่คาดว่าจะได้รับสิทธิ์สามารถตรวจสอบสถานะได้ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2567 ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้:
- ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติ โทร. 0 2109 2345 กด 1 กด 5 (ให้บริการ 24 ชั่วโมง)
วิธีการตรวจสอบ: เพียงกรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ระบบจะแสดงผลว่าได้รับสิทธิ์หรือไม่ และสถานะการโอนเงิน
4. การผูกบัญชีพร้อมเพย์
สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชน สามารถดำเนินการได้ผ่านช่องทางต่อไปนี้:
- ที่สาขาธนาคาร
- ผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร (Mobile Banking)
- ที่ตู้ ATM ของธนาคาร
สำหรับผู้พิการที่มีข้อมูลการรับเบี้ยความพิการอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเพิ่มเติม สามารถรับเงินผ่านช่องทางเดิมได้ทันที
สำหรับกลุ่มเปราะบางที่ไม่สามารถผูกบัญชีพร้อมเพย์ได้ทันในรอบการโอนเงินแรกระหว่างวันที่ 25-30 กันยายน 2567 ไม่ต้องกังวล เนื่องจากรัฐบาลได้เตรียมแผนรองรับไว้แล้ว โดยจะมีการโอนเงินเพิ่มเติมในรอบถัดไปทุกวันที่ 22 ของเดือนตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม 2567 ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิ์จำเป็นต้องดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชนให้เรียบร้อยก่อนถึงรอบการโอนเงินในแต่ละเดือน เพื่อให้สามารถรับเงินช่วยเหลือ 10,000 บาทได้ตามกำหนด
อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายในสิ้นปี 2567 เงินดังกล่าวจะถูกโอนกลับคืนรัฐ ดังนั้น ผู้มีสิทธิ์ควรเร่งดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์โดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์ในการรับเงินช่วยเหลือนี้
5. ข้อควรระวังและคำแนะนำ
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบัญชีพร้อมเพย์ของคุณผูกกับเลขบัตรประชาชนอย่างถูกต้อง
- การโอนเงินผ่านพร้อมเพย์ที่ไม่สำเร็จจะมีการพยายามโอนซ้ำอีก 3 ครั้ง
- ติดตามข่าวสารและประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด
- หากมีข้อสงสัยหรือปัญหา ควรติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น กรมบัญชีกลาง หรือธนาคารที่ท่านมีบัญชี
6. ผลกระทบที่คาดหวัง
รัฐบาลคาดหวังว่าโครงการนี้จะก่อให้เกิดผลกระทบในหลายด้าน:
- กระตุ้นเศรษฐกิจ: คาดว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เพิ่มขึ้น 0.35% เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่มีโครงการ
- เพิ่มกำลังซื้อ: ช่วยให้ประชาชนกลุ่มเปราะบางมีเงินหมุนเวียนใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
- บรรเทาความเดือดร้อน: ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและผู้พิการในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
- กระจายรายได้: เป็นการกระจายรายได้จากภาครัฐสู่ประชาชนโดยตรง
สรุป 10 คำถาม สำคัญ ที่ควรรู้
1. ถาม: โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทมีกลุ่มเป้าหมายใดบ้าง?
ตอบ: โครงการนี้มีกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่มหลัก คือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ประมาณ 12.40 ล้านคน และคนพิการ ประมาณ 2.15 ล้านคน รวมทั้งสิ้นประมาณ 14.5 ล้านคน
2. ถาม: งบประมาณทั้งหมดของโครงการนี้คือเท่าไร และมาจากแหล่งใดบ้าง?
ตอบ: งบประมาณรวมทั้งสิ้น 145,552.40 ล้านบาท มาจาก 2 แหล่งหลัก คือ งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี พ.ศ. 2567 วงเงิน 122,000 ล้านบาท และงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินไม่เกิน 23,552.40 ล้านบาท
3. ถาม: กำหนดการโอนเงินเริ่มตั้งแต่เมื่อไร และมีการแบ่งอย่างไร?
ตอบ: การโอนเงินเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 โดยแบ่งตามวันและกลุ่มเป้าหมาย เช่น วันที่ 25 ก.ย. 67 โอนให้กลุ่มผู้พิการทั้งหมดและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขบัตรประชาชนลงท้ายด้วย 0
4. ถาม: ช่องทางการโอนเงินหลักคืออะไร และมีข้อยกเว้นสำหรับกรณีใดบ้าง?
ตอบ: ช่องทางหลักคือระบบพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน มีข้อยกเว้นสำหรับผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปีที่ไม่สามารถผูกพร้อมเพย์ได้ และคนพิการที่จะได้รับเงินผ่านช่องทางการรับเงินเบี้ยความพิการ
5. ถาม: ประชาชนสามารถตรวจสอบสิทธิ์ได้ตั้งแต่เมื่อไรและผ่านช่องทางใดบ้าง?
ตอบ: ตรวจสอบสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2567 ผ่านเว็บไซต์ของโครงการ แอปพลิเคชัน "รัฐจ่าย" และศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
6. ถาม: หากไม่สามารถผูกบัญชีพร้อมเพย์ได้ทันในรอบแรก จะมีโอกาสรับเงินอีกหรือไม่?
ตอบ: มีโอกาสรับเงินในรอบถัดไปทุกวันที่ 22 ของเดือนตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม 2567 แต่ต้องผูกบัญชีพร้อมเพย์ให้เรียบร้อยก่อนถึงรอบการโอนเงินในแต่ละเดือน
7. ถาม: มีข้อควรระวังอะไรบ้างในการรับเงินผ่านโครงการนี้?
ตอบ: ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าบัญชีพร้อมเพย์ผูกกับเลขบัตรประชาชนอย่างถูกต้อง และติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด
8. ถาม: รัฐบาลคาดหวังผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากโครงการนี้อย่างไร?
ตอบ: คาดว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เพิ่มขึ้น 0.35% เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่มีโครงการ
9. ถาม: มีข้อถกเถียงหรือข้อสังเกตใดบ้างเกี่ยวกับโครงการนี้?
ตอบ: มีข้อสังเกตเกี่ยวกับความยั่งยืนของผลกระทบทางเศรษฐกิจในระยะยาว ความท้าทายในการบริหารจัดการโครงการขนาดใหญ่ และผลกระทบต่องบประมาณของประเทศ
10. ถาม: ประชาชนควรปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากโครงการนี้?
ตอบ: ประชาชนควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เตรียมความพร้อมในการรับเงิน และใช้จ่ายอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเองและเศรษฐกิจโดยรวม
-------------------------------------------
โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นมาตรการที่รัฐบาลหวังว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนกลุ่มเปราะบางในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของโครงการจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ความราบรื่นของกระบวนการจ่ายเงิน และพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้รับสิทธิ์
ประชาชนควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เตรียมความพร้อมในการรับเงิน และใช้จ่ายอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเองและเศรษฐกิจโดยรวม ในขณะเดียวกัน ภาครัฐควรมีการติดตามและประเมินผลโครงการอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การพัฒนานโยบายเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนในอนาคต
ข่าวแนะนำ